วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560

Ai Okuri / The STROBOSCORP




アイオクリ / The STROBOSCORP

好きだよって君の言葉 ウソみたいに嬉しくて
suki da yo tte kimi no kotoba uso mitai ni ureshikute
คำพูดของเธออย่างคำว่ารัก ทำให้ฉันรู้สึกดีใจราวกับมันเป็นเรื่องโกหก
まるで違って見えるいつも見上げる空も
marude chigatte mieru itsumo miageru sora mo
ราวกับว่าท้องฟ้าที่แหงนมองอยู่ทุกวันดูไม่เหมือนเดิม


ギターを教えてくれる指先
gitaa wo oshiete kureru yubisaki
ในตอนที่เธอสอนฉันเล่นกีตาร์ ทั้งปลายนิ้ว
伝わるぬくもりその横顔も特別に変わる
tsutawaru nukumori sono yokogao mo tokubetsu ni kawaru
ทั้งความอบอุ่นที่ถูกส่งมา และใบหน้าด้านข้างของเธอกลับดูเป็นสิ่งพิเศษขึ้นมา


君がいるだけで ありふれた日々も
kimi ga iru dake de arifureta hibi mo
เพียงมีเธออยู่ ในแต่ละวันที่แสนธรรมดา
1分1秒すべて愛しくなる
ippun ichibyou subete itoshiku naru
จะหนึ่งนาที หรือหนึ่งวินาที ฉันก็รู้สึกรักในทุกสิ่งทุกอย่าง
今この瞬間 時間が止まるなら
ima kono shunkan jikan ga tomaru nara
ถ้าตอนนี้ ช่วงเวลานี้ต้องหยุดลงล่ะก็
抱きしめてぎゅっとぎゅっと離さないで
dakishimete gyutto gyutto hanasanai de
ช่วยกอดฉันไว้แน่น ๆ ที กอดแน่น ๆ อย่าปล่อยมือจากฉันไปเลย


2人自転車こいで並んで競った帰り道
futari jitensha koide narande kisotta kaerimichi
ระหว่างทางกลับบ้านที่เราสองคนปั่นจักรยานแข่งกัน
次は負けないからね また一緒に帰ろう
tsugi wa makenai kara ne mata isshou ni kaerou
คราวหน้าฉันก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ แล้วกลับบ้านด้วยกันอีกนะ
私の言葉に君がのせるメロディー
atashi no kotoba ni kimi ga noseru merodii
ท่วงทำนองที่เธอร้อยเรียงจากคำพูดของฉัน
今しか出せない音だから 君と奏でたい
ima shika dasenai oto dakara kimi to kanadetai
เป็นเพลงที่เล่นได้แค่ตอนนี้เท่านี้ ฉันจึงอยากจะบรรเลงมันไปพร้อมกับเธอ


神様がくれたかけがえのない時
kamisama ga kureta kakegae no nai toki
เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ที่พระเจ้าประทานมาให้
たとえすべて失ったとしても
tatoe subete ushinatta to shite mo
ต่อให้ฉันต้องสูญเสียทุกอย่างไป
めぐりくる季節 あおい海のそばで
meguri kuru kisetsu aoi umi no soba de
วันเวลาที่ได้ใช้ไปกับเธอในฤดูกาลที่หมุนเวียนมา
君と過ごした日々を忘れないよ
kimi to sugoshita hibi wo wasurenai yo
ที่เคียงข้างด้วยท้องทะเลสีคราม ฉันจะไม่มีวันลืมมันเลย


何度もたどった時間 2人で巻き戻したレコード
nandomo tadotta jikan futari de makimodoshita rekoodo
ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ฉันก็จะย้อนกลับแผ่นเสียงไปสู่เวลาที่ผ่านมาแล้วอีกครั้ง
君を守りたいんだ
kimi wo mamoritai nda
ฉันอยากจะปกป้องเธอ
もしも願い叶うのなら
moshimo negai kanau no nara
ถ้าเกิดว่าคำอธิษฐานเป็นจริงขึ้นมา
ひとりになんてしないから
hitori ni nante shinai kara
ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ずっとその手つないでいて
zutto sono te tsunaide ite
จะขอกุมมือของเธอเอาไว้ตลอดไป


君と出会うため 生まれてきたんだ
kimi to deau tame umarete kitan da
เพียงฉันได้เกิดมาเพื่อพบกับเธอ
世界で1番私幸せだよ
sekai de ichiban atashi shiawase da yo
ฉันก็รู้สึกมีความสุขที่สุดในโลกแล้วล่ะ
明日太陽が昇らないとしても
ashita taiyou ga noboranai to shite mo
ต่อให้วันพรุ่งนี้ดวงตะวันจะไม่ขึ้น
あふれる愛に包まれていたから
afureru ai ni tsutsumareteita kara
ฉันก็ยังมีความรักที่เอ่อล้นโอบล้อมเอาไว้



เพลงนี้ชื่อเพลง Ai Okuri มีความหมายว่า 'ส่งมอบความรัก' เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง kimi to 100 kaime no koi ซึ่งหนังเรื่องนี้จะฉายในประเทศไทยวันที่ 18 พฤษภาคม ก็รอกันต่อไปอีกประมาณ 2 เดือน

เพลง version จาก original soundtrack กับอัลบั้ม SPLASHWORLD ของ miwa จะมีเนื้อเพลงที่เหมือนกันแต่ของ SPLASHWORLD จะมีทำนองที่ฟังดูลื่นและไพเราะกว่า (ไม่แน่ใจว่าเพิ่มเสียงของเปียโนหรือเครื่องดนตรีชนิดไหนเข้ามา)

ซึ่งไว้หลังจากไปดูหนังมาแล้ว ผมก็อาจจะกลับมาแก้คำแปลหรือเขียนข้อความตอนท้ายเพิ่มขึ้น อยากจะให้ติดตามเพลงนี้จนถึงตอนนั้นด้วยนะครับ

ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ พบกันใหม่ผลงานหน้า
ขอบคุณครับ :)

วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

MIRAI TICKET / Aqours




MIRAI TICKET / Aqours





ヒカリになろう ミライを照らしたい
hikari ni narou mirai wo terashitai
มาเป็นแสงสว่างกันเถอะ ฉันอยากจะส่องประกายให้กับอนาคต
輝きは心からあふれ出すよ
kagayaki wa kokoro kara afuredasu yo
ด้วยประกายแสงที่เอ่อล้นออกมาจากหัวใจ


夢が生まれ 夢のために泣いたときでも
yume ga umare yume no tame ni naita toki demo
เพื่อความฝันที่ถือกำเนิดขึ้นมา แม้จะมีเวลาที่ต้องร้องไห้บ้าง
あきらめないことで繋がった
akiramenai koto de tsunagatta
พวกเราก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเราเชื่อมโยงถึงกัน
みんなみんな 悩みながらここへ辿りついたね
minna minna nayami nagara koko e tadori tsuita ne
ในขณะที่พวกเราทุกคนต้องเจอกับปัญหา พวกเราก็มาถึงตรงนี้ได้
これからだよ いまはもう迷わない
korekara da yo ima wa mou mayowanai
เรื่องราวของพวกเราจะเริ่มต่อจากนี้ไปต่างหาก
ตอนนี้จะไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว


あこがれ抱きしめて 次へ進むんだ
akogare dakishimete tsugi e susumun da
โอบกอดความใฝ่ฝันไว้ แล้วก้าวไปสู่ขั้นถัดไป
僕たちだけの新世界が(きっとある)
bokutachi dake no shin sekai ga (kitto aru)
โลกใบใหม่สำหรับพวกเรา (จะต้องมีอยู่แน่)
We say“ヨーソロー!!”
We say “you soro!!”
We say “แล่น(เรือ)ตรงไป!!”


船が往くよ ミライへ旅立とう
fune ga yuku yo mirai e tabidatou
เรือกำลังมุ่งหน้าไป มาเดินทางไปสู่อนาคตด้วยกันเถอะ
青い空笑ってる(なにがしたい?)
aoi sora waratteru (nani ga shitai?)
ท้องฟ้าสีครามกำลังยิ้มให้เราอยู่ (สิ่งที่อยากทำคืออะไรล่ะ?)
ヒカリになろう ミライを照らしたい
hikari ni narou mirai wo terashitai
มาเป็นแสงสว่างกันเถอะ ฉันอยากจะส่องประกายให้กับอนาคต
輝きは心からあふれ出して もっと先の景色望むんだ
kagayaki wa kokoro kara afuredashite motto saki no keshiki nozomu da
ด้วยประกายแสงที่เอ่อล้นออกมาจากหัวใจ
เพราะฉันปรารถนาที่จะได้เห็นทิวทัศน์ข้างหน้ามากกว่านี้อีก


ヒカリになろう ミライを照らしたい
hikari ni narou mirai wo terashitai
มาเป็นแสงสว่างกันเถอะ ฉันอยากจะส่องประกายให้กับอนาคต
いまはもう迷わない
ima wa mou mayowanai
ตอนนี้จะไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว


船が往くよ ミライへ旅立とう
fune ga yuku yo mirai e tabidatou
เรือกำลังมุ่งหน้าไป มาเดินทางไปสู่อนาคตด้วยกันเถอะ
青い空笑ってる(なにがしたい?)
aoi sora waratteru (nani ga shitai?)
ท้องฟ้าสีครามกำลังยิ้มให้เราอยู่ (สิ่งที่อยากทำคืออะไรล่ะ?)
ヒカリになろう ミライを照らしたい
hikari ni narou mirai wo terashitai
มาเป็นแสงสว่างกันเถอะ ฉันอยากจะส่องประกายให้กับอนาคต
輝きは心からあふれ出して もっと先の景色望むんだ
kagayaki wa kokoro kara afuredashite motto saki no keshiki nozomu da
ด้วยประกายแสงที่เอ่อล้นออกมาจากหัวใจ
เพราะฉันปรารถนาที่จะได้เห็นทิวทัศน์ข้างหน้ามากกว่านี้อีก
Ah!やっと手にしたミライチケットかざして…!
Ah! yatto te ni shita mirai chiketto kazashite…!
อา! สุดท้ายก็หยิบตั๋วนำทางสู่อนาคตขึ้นมาสิ…!


Voice

Chika
Chika & Riko & You
Ruby & Hanamaru  & Yoshiko
Kanan & Dia & Mari



สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยครับ ช่วงที่ผ่านมาผมก็วุ่นกับการทำการบ้าน อ่านหนังสือเตรียมสอบ(ทั้งสอบย่อยและสอบมิดเทอม) ก็เลยไม่มีเวลามาอัพเพลงเพิ่มเลย แต่ก็พยายามหาเวลาว่างค่อย ๆ แปลทีละนิด จนวันนี้สอบเสร็จแล้วก็เลยมาอัพบล็อกเพิ่มหน่อย
(ต่อจากนี้ไปข้างล่างเป็นบรรยายความรู้สึกหลังากได้ไปดู Live มา)

สำหรับอาทิตย์ที่ผ่านมาหลายคนคงทราบว่ามีการจัด First Live ของ Aqours ซึ่งผมก็ได้ไปดูมาด้วย (ยอมสละเวลาอ่านหนังสือก่อนสอบเพื่อไปดูเลยนะ 555) แต่ไปดูแค่วันแรกนะ เป็น Live ที่สนุกมากเลย ซึ่งผมก็คิดว่าฉากที่ทุก ๆ คนที่ไปดูประทับใจที่สุดก็คงเป็นเพลง Omoi yo Hitotsu ni Nare
ฉากที่ริเคียโกะ (ไอดะ ริคาโกะ คนพากย์ริโกะ) ขึ้นไป solo เปียโนในขณะที่สมาชิกคนอื่น ๆ ก็กำลังเต้นและร้องเพลงไปด้วย มันทำให้ผมรู้สึกว่าถึงเพลงนี้จะเต้นกันแปดคน ถึงจะแยกจากกัน แต่พวกเธอก็ต่างเชื่อมั่นในกันและกัน และเป็นหนึ่งเดียวกัน และสามารถแสดงเพลงนี้ออกมาได้อย่างงดงาม

ส่วนวันที่สอง ได้ยินมาว่าริเคียโกะดีดเปียโนพลาดไปจนเพลงต้องหยุดลงกลางคัน แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมา แต่อันจัง (อินามิ อันจู คนพากย์จิกะ) สุวาวะ (สุวะ นานากะ คนพากย์คานัน) ไอเนีย (สุซุกิ ไอนะ คนพากย์มาริ) ขึ้นไปกอดแล้วก็ปลอบเธอ คนดูในอารีน่าต่างก็เปลี่ยนแท่งไฟเป็นสีชมพูแล้วตะโกนเรียกชื่อเธอเพื่อให้กำลังใจ จนในที่สุดริเคียโกะก็สามารถกลับมาเล่นเพลงนี้ได้อีกครั้งจนจบ
สำหรับถึงถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปดูเอง แค่ได้อ่านมันก็รู้สึกซึ้งมากกับเหตุการณ์นี้ ไม่อยากให้ตัดออกจากแผ่นเลย

(สำหรับคำแปลเพลง Omoi yo Hitotsu ni Nare กดที่ชื่อเพลงเพื่อเข้าไปอ่านได้เลยนะครับ)

ในส่วนอื่นของ Live ที่ชอบก็คือเพลงของ Guilty Kiss เป็น unit ที่คอลได้สนุกที่สุดแล้วครับ
ต่อมาก็เป็นฉากเต้นเดี่ยวกลางเวทีของชูกะชู (ไซโต้ ชูกะ คนพากย์โย) ในเพลง Yozora wa Nandemo Shitteru no?
ก็ประมาณนี้แหละครับโดยรวม Live ก็สนุกดีครับ ในส่วนของวันที่สองผมอ่านมาอีกที ถ้าผิดพลาดตรงไหนไป ก็โต้แย้งได้นะครับ

ขอบคุณที่ทนอ่านมาถึงตรงนี้นะครับ ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดไปก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับแล้วก็พบกันใหม่ผลงานหน้าครับ :)