วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Pianoforte Monologue / Sakurauchi Riko (CV : Aida Rikako)



Pianoforte Monologue / 桜内 梨子 (CV : 逢田 梨香子)


私のなか流れ出した音が たくさんあるの
watashi no naka nagaredashita oto ga takusan aru no
มีเสียงมากมายหลั่งไหลออกมาจากข้างในตัวฉัน
綺麗なだけじゃなくて でもねどこか優しい音が
kireina dake janakute demo ne dokoka yasashii oto ga
ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ว่าที่ไหนสักแห่งเสียงอันอ่อนโยน
新しい夢と涙 とけあったコンチェルト
atarashii yume to namida tokeatta koncheruto
ได้หลอมรวมความฝันใหม่และหยาดน้ำตาเข้าด้วยกันเป็นคอนแชร์โต


ずっとずっと眠ってたの?
zutto zutto nemutteta no?
มันหลับใหลมาโดยตลอด?
心の熱い願い
kokoro no atsui negai
ความปรารถนาอันร้อนแรงในใจฉัน
目覚めてって あの日きっと呼ばれてたと気がついた
mezamete tte ano hi kitto yobareteta to ki ga tsuita
ในวันนั้นฉันมั่นใจว่ารู้สึกได้ถึงเสียงเรียกบอกให้ลืมตาตื่นขึ้น


ひとりで向かう鍵盤だけど
hitori de mukau kenban dakedo
แม้ฉันจะเผชิญหน้ากับเปียโนเพียงลำพัง
感じる…ひとりじゃない
kanjiru...hitori janai
แต่ก็รู้สึกได้… ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
気持ちはいつも繋がってるね
kimochi wa itsumo tsunagatteru ne
ความรู้สึกของเราเชื่อมถึงกันเสมอนะ
信じることができるから
shinjiru koto ga dekiru kara
ดังนั้นฉันจึงสามารถที่จะเชื่อมั่นได้
なんでも怖れずやってみようと決められる
nandemo osorezu yatte miyou to kimerareru
ไม่ว่าอะไรฉันก็ไม่กลัว ตัดสินใจว่าจะลองทำดู
強くなれるの
tsuyoku nareru no
และเข้มแข็งขึ้น


ふるえるほど緊張しても 私を待つ場所へ
furueru hodo kinchou shite mo watashi wo matsu basho e
แม้ว่าจะรู้สึกประหม่าจนตัวสั่น ฉันก็จะมุ่งหน้าไปยัง
向かおうと 息吸ってから大きく踏み出した
mukaou to iki sutte kara ookiku fumidashita
สถานที่ที่รอฉันอยู่ หลังจากสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ ก็ก้าวไปด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่


そっとそっとあやす様に
sotto sotto ayasu you ni
ถ้าค่อย ๆ ถ้าค่อย ๆขยับปลายนิ้ว
指先動かしたら
yubisaki ugokashitara
ราวกับปลอบโยน
微笑んでアルペジオ さあ自由になれる
hohoende arupejio saa jiyuu ni nareru
จะต้องบรรเลงอาร์เพจจิโอออกมาด้วยรอยยิ้มได้ เอาล่ะ ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเป็นอิสระ


あなたを音で抱きしめたいの
anata wo oto de dakishimetai no
ฉันอยากจะโอบกอดเธอไว้ด้วยเสียงเพลง
受けとってこの想い
uketotte kono omoi
รับไว้ทีสิ ความรู้สึกนี้น่ะ
ありがとうって声届けたくて
arigatou tte koe todoketakute
ฉันอยากจะส่งเสียงออกไปว่าขอบคุณ
弾いてるつもり このメロディー
hiiteru tsumori kono merodii
ฉันจึงตั้งใจจะบรรเลงท่วงทำนองนี้
なんて大げさに聞こえるかな でも本当よ
nante oogesa ni kikoeru kana demo hontou yo
จะฟังดูยิ่งใหญ่เกินไปมั้ยนะ แต่ว่าที่จริงแล้วน่ะ
忘れないでね
wasurenaide ne
อย่าได้ลืมมันไปเลยนะ


ピアノなら伝えられそう みんなには感謝してること
piano nara tsutaerare sou minna ni wa kansha shiteru koto
ถ้าเป็นเปียโน จะต้องสามารถถ่ายทอดความรู้สึกขอบคุณที่มีให้ทุกคนออกไปได้
だから だから何度でも弾きたい喜びの調べを
dakara dakara nando demo hikitai yorokobi no shirabe wo
เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะกี่ครั้งฉันก็อยากจะบรรเลงท่วงทำนองอันแสนสนุกสนาน


あなたを音で抱きしめたいの
anata wo oto de dakishimetai no
ฉันอยากจะโอบกอดเธอไว้ด้วยเสียงเพลง
受けとってこの想い
uketotte kono omoi
รับไว้ทีสิ ความรู้สึกนี้น่ะ
ありがとうって声届けたくて
arigatou tte koe todoketakute
ฉันอยากจะส่งเสียงออกไปว่าขอบคุณ
弾いてるつもり このメロディー
hiiteru tsumori kono merodii
ฉันจึงตั้งใจจะบรรเลงท่วงทำนองนี้
なんて大げさに聞こえるかな でも本当よ
nante oogesa ni kikoeru kana demo hontou yo
จะฟังดูยิ่งใหญ่เกินไปมั้ยนะ แต่ว่าที่จริงแล้วน่ะ
忘れないでね
wasurenaide ne
อย่าได้ลืมมันไปเลยนะ
出会えて嬉しくて…本当なの忘れないでね
deaete ureshikute...hontou nano wasurenaide ne
ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้พบกับเธอ… ฉันพูดจริงนะ อย่าได้ลืมมันไปเลยนะ

______________________________________________

สวัสดีคุณผู้อ่านครับ ที่จริงแล้ววันนี้กะว่าจะลงแค่เพลงเดียว แต่พอดีวันนี้เมื่อปีที่แล้วเป็นวันที่จัดไลฟ์ครั้งแรกของ Aqours หรือ ‘Aqours First Love Live! ~Step! ZERO to ONE~’
ในวันนั้นผมประทับใจเพลง Omoi yo Hitotsu ni Nare ตรงที่ริเคียโกะขึ้นไปดีดเปียโนเองคนเดียวมากเลย ซึ่งเหมือนกับที่ริโกะเล่นเปียโนในตอนที่ 11 ของซีซั่นแรก
ซึ่งผมรู้สึกว่าเพลงนี้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวตรงส่วนนี้ออกมาได้ดี แล้วก็รู้สึกชอบเพลงนี้มากตั้งแต่ฟังตัวอย่างครั้งแรก ก็เลยเลือกเพลงนี้มาแปลในวันนี้

ส่วนพวกศัพท์ทางดนตรีบอกเลยว่า ไม่มีความรู้ด้านนี้เลย 555 แต่ก็ไปหาข้อมูลมาบ้าง เลยทับศัพท์ไปก่อนแล้วมาอธิบายข้างล่าง
คอนแชร์โต (Concerto) เป็นบทประพันธ์สำหรับการเล่นเดี่ยวเครื่องดนตรี (solo) เป็นหลัก แต่สำหรับในเพลงนี้น่าจะหมายถึงบทเพลงสำหรับการเล่นเปียโน
อาร์เพจจิโอ (Arpeggio) เป็นการกระจายคอร์ดแบบหนึ่ง ที่จะเล่นโน้ตที่ประกอบขึ้นเป็นคอร์ดตามลำดับ เข้าใจว่าน่าจะเป็นการเล่นแบบหนึ่งเลยใช้คำว่าบรรเลง

สำหรับข้อมูลผมก็นำมาจากเว็บ e-learning แล้วก็วิกิพีเดีย แล้วมาลองตีความตามที่เข้าใจดู

สุดท้ายนี้ผมก็หวังว่าจะได้เห็นริเคียโกะเล่นเปียโนอีกครั้งในไลฟ์ครั้งที่ 3

หากมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ถูกใจ ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
แล้วพบกันใหม่ผลงานถัดไป ขอบคุณที่แวะเวียนกันเข้ามาอ่านครับ :)

Break Beat Bark! / Yuna (CV : Kanda Sayaka)



Break Beat Bark! / ユナ (CV : 神田沙也加)



警報が響いて 包囲網でガンジガラメ
keihou ga hibite houimou de ganjigarame
เสียงเตือนดังขึ้น ฉันถูกล้อมและถูกพันธนาการไว้
Checkmate寸前 Countdownが嫌らしいな
Checkmate sunzen Countdown ga iyarashii na
เมื่อถึงคราวถูก Checkmate ฉันไม่ชอบที่จะต้อง Countdown เลย   
勝手な欲望で踏みつけられたって
katte na yokubou de fumitsukeraretatte
การที่ต้องถูกความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของตัวเองเหยียบย่ำ
僕のセオリーじゃ答えは “No! Are you kidding me?”
boku no seorii ja kotae wa “No! Are you kidding me?”
ตามทฤษฎีของฉันแล้ว คำตอบคือ “No! Are you kidding me?”


僕の刻んだ記憶(メモリー)を
boku no kizanda memorii wo
ทั้งความทรงจำของฉันที่ถูกจารึกไว้
君と創り上げてきた現実(リアル)を
kimi to tsukuri agetekita riaru wo
และความเป็นจริงร่วมกันสร้างขึ้นมากับเธอ
イレギュラーになんて奪わせるな
iregyuraa ni nante ubawaseru na
ถูกความผิดปกติช่วงชิงไปหมดเลย


Break Beat Bark! まだ見えない
Break Beat Bark! mada mienai
Break Beat Bark! ยังคงมองไม่เห็น
未来って単純じゃないダンジョンみたい Can't see・・・
mirai tte tanjun janai danjon mitai Can’t see…
อนาคตน่ะมันไม่ได้ง่ายดาย เหมือนกับในดันเจี้ยนหรอกนะ Can’t see…
だけど Head up! すぐそこさ
dakedo Head up! sugu soko sa
แต่ฉันก็จะ Head up! ไปยังที่ตรงนั้น
“Never give up!” パスワードはそれで十分なんだ
“Never give up!” pasuwaado wa sore de juubun nanda
“Never give up!” พาสเวิร์ดน่ะแค่คำนี้ก็พอแล้ว
君と僕の純粋(ピュア)すぎる理想 捨てられないね?Heartbeat
kimi to boku no pyua sugiru risou suterarenai ne? Heartbeat
อุดมคติอันแสนบริสุทธิ์ของเรา เธอจะไม่ทิ้งมันไปใช่ไหม? Heartbeat
呼び出せ 願いの限り
sakebidase negai no kagari
จงร่ำร้องออกมาตราบเท่าที่เธออธิษฐาน


冗談じゃないって 言う間に足を取られ
joudan janai tte iu ma ni ashi wo torare
‘อย่ามาล้อเล่นนะ’ ฉันพูดออกมาตอนที่ขาของฉันโดนจับไว้
K.O.(ノックアウト)偽装で“YOU LOSE”…ふざけてる!
nokkuauto gisou de “YOU LOSE”... fuzaketeru!
แกล้งทำเป็นถูกน็อกเอาท์จน “YOU LOSE”... นั่นเพียงล้อเล่นเท่านั้น!
正々堂々を逃げたって 僕はここさ
seiseidoudou wo nigatte boku wa koko sa
ฉันวิ่งหนีจากความตรงไปตรงมา และได้มาอยู่ที่ตรงนี้
もう手遅れだね “Yes! You are kidding me!”
mou teokure da ne “Yes! You are kidding me!”
มันสายไปแล้วสินะ “Yes! You are kidding me!”


守るべきはずの約束(コード)を
mamorubeki hazu no koodo wo
ทั้งคำสัญญาที่ฉันควรจะปกป้องไว้
その中で育ててきた希望を
sono naka de soudatete kita kibou wo
และความหวังที่เพิ่มพูนขึ้นอยู่ภายในนี้
違反(バイオレート)させちゃいけないんだ
baioreeto sasecha ikenai n da
ฉันจะไม่ปล่อยให้มันถูกใครทำลาย


Break Beat Bark! 遠ざかって
Break Beat Bark! toosakatte
Break Beat Bark! ดูเหมือนว่า
明日へルートがまた ループみたく Long way round・・・
ashita e ruuto ga mada ruupu mitaku Long way round…
เส้นทางสู่วันพรุ่งนี้อันห่างไกลจะวนลูปกลับมาอีกครั้ง Long way round…
だけど Wake up! 朝が来て
dakedo Wake up! asa ga kite
แต่ฉันก็จะ Wake up! รุ่งอรุณได้มาถึง
“Hello, my hope!” 変換(コンバート)不能な意志(こころ)があれば
“Hello, my hope!” konbaato funou na kokoro ga areba
“Hello, my hope!” ถ้ามีความตั้งใจที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่
君と僕で立ち向かう壁 熱くなるでしょ?Heatbeat
kimi to boku de tachimukau kabe atsukunaru desho? Heartbeat
เมื่อเราต้องเผชิญกับกำแพงตรงหน้า เธอจะรู้สึกเร่าร้อนขึ้นมาสินะ? Heartbeat
呼び出す 祈りを込めて
sakebidasu inori wo komete
ฉันจะร่ำร้องออกมาด้วยคำอธิษฐาน


涙の落ちる音がした 今も耳に響いてる
namida no ochiru oto ga shita ima mo mimi ni hibiiteru
แม้แต่ตอนนี้เสียงของหยาดน้ำตาที่หยดลงก็ยังคงดังก้องอยู่ในหู
音の速さで助けにいくよ
oto no hayasa de tasuke ni iku yo
ฉันจะรีบไปช่วยเธอด้วยความเร็วเสียงเลย


強くなれ この振動
tsuyoku nare kono shindou
จงแข็งแกร่งขึ้น แรงสั่นไหวนี้
誰かを救うため 戦い抜くために
dareka wo sukuu tame tatakai nuku tame ni
เพื่อช่วยเหลือใครสักคน เพื่อต่อสู้ไปจนกว่าจะจบสิ้น  


Break Beat Bark! 見えてきた
Break Beat Bark! mietekita
Break Beat Bark! อนาคตที่มองเห็น
未来って単純じゃないダンジョンじゃない Let's see・・・
mirai tte tanjun janai danjon janai Let’s see…
มันไม่ได้ง่ายดาย แล้วก็ไม่ใช่ดันเจี้ยน Let’s see…
そうさ Head up! すぐそこさ
sou sa Head up! sugu soko sa
เอาล่ะ Head up! ไปยังที่ตรงนั้น
“Never give up!” パスワードはもう必要ないんだ
“Never give up!” pasuwaado wa mou hitsuyounai n da
“Never give up!” พาสเวิร์ดน่ะไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
君と僕の純粋(ピュア)すぎる理想 叶えなきゃないね?Heatbeat
kimi to boku no pyua sugiru risou kanaenakya nai ne? Heartbeat
อุดมคติอันแสนบริสุทธิ์ของเรา เธอจะทำให้มันเป็นจริงใช่ไหม? Heartbeat
呼び出せ 願いの限り
sakebidase negai no kagiri
จงร่ำร้องออกมาตราบเท่าที่เธออธิษฐาน

วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Kiseki / Che’Nelle



奇跡 / シェネル




願いを今 伝えたいから
negai wo ima tsutaetai kara
เพราะว่าตอนนี้ ฉันอยากจะบอกคำอธิษฐานออกไป
愛しい君よ そばで 微笑んでいて
itoshii kimi yo soba de hohoen de ite
เธอผู้เป็นที่รัก ช่วยยิ้มอยู่เคียงข้างฉันทีนะ


まだまだ ぎこちない 二人だけど
madamada gikochinai futari dakedo
ถึงเราสองคนจะยังคงไม่คุ้นชินกัน
ゆっくり 歩んでゆこう
yukkuri ayundeyukou
แต่ว่าเราค่อย ๆ เดินไปด้วยกันเถอะนะ
時にすれ違う日もあるけれど
toki ni surechigau hi mo aru kedo
บางครั้งพวกเราก็มีวันที่ความคิดสวนทางกัน
君となら 涙も分け合えるから
kimo to nara namida mo wakaeaeru kara
แต่ถ้าได้อยู่กับเธอ ก็สามารถร่วมแบ่งปันน้ำตากันได้


叶うのなら
kanau no nara
ถ้าเป็นจริงได้
君の隣で ずっと ずっとね 歩きたい
kimi no tonari de zutto zutto ne arukitai
ฉันอยากเดินเคียงข้างเธอตลอดไป ตลอดไปเลยนะ
やっと出逢えた奇跡を 信じたいから
yatto deaeta kiseki wo shinjitai kara
เพราะว่าในที่สุดฉันก็อยากเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ที่ได้พบเจอ
いつまでも ぎゅっと 抱きしめていて
itsumademo gyutto dakishimeteite
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็กอดฉันไว้แน่น ๆ ทีนะ


不安なこと 上手く言えないこと
fuan na koto umaku ienai koto
ทั้งเรื่องที่ฉันกังวล และเรื่องที่พูดออกไปได้ไม่ดีนัก
まだ沢山あるけど 見守っててね
mada takusan aru kedo mimamottete ne
ฉันยังมีอีกมากมายเลย แต่ว่าช่วยเฝ้ามองฉันต่อไปทีนะ


繰り返す季節は 二人を変え
kurikaesu kisetsu wa futari wo kae
ฤดูกาลที่ผันเปลี่ยนซ้ำไปซ้ำมา ได้เปลี่ยนแปลงเราสองคน
何度も 戸惑うけど
nandomo tomadou kedo
ให้ต้องสับสนอยู่หลายครั้ง
不思議なほどに 君が笑うと
fushigi na hodo ni kimi ga warau to
เพียงเธอยิ้มออกมาอย่างน่าประหลาดใจ
それだけで 世界は美しくなる
sore dake de sekai wa utsukushiku naru
แค่นั้น โลกก็พลันสวยงามขึ้นมา


叶うのなら
kanau no nara
ถ้าเป็นจริงได้
君と未来を もっと もっとね 見てみたい
kimi to mirai wo motto motto ne mitemitai
ฉันอยากจะลองเฝ้ามองอนาคตไปกับเธอ ให้มากขึ้น มากขึ้นไปอีกนะ
やっと出逢えた 奇跡を信じたいから
yatto deaeta kiseki wo shinjitai kara
เพราะว่าในที่สุดฉันก็อยากเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ที่ได้พบเจอ
これからも ぎゅっと 抱きしめていて
kore kara mo gyutto dakishimeteite
จากนี้ต่อไป ก็กอดฉันไว้แน่น ๆ ทีนะ


探し続けていたの
sagashi tsuzukete ita no
ปาฏิหาริย์เพียงหนึ่งเดียว
たった一つの奇跡を
tatta hitotsu no kiseki wo
ที่ฉันกำลังตามหาอยู่
もう もう 離さないで
mou mou hanasanaide
อย่าได้ อย่าได้ ปล่อยมันไปอีกเลยนะ


君と二人で ずっと ずっとね...
kimi to futari de zutto zutto ne…
ได้อยู่กับเธอเพียงสองคน ตลอดไป ตลอดไปเลยนะ...


大好きだよ
daisuki da yo
ฉันรักเธอที่สุดเลย
君の隣で ずっと ずっとね 歩きたい
kimi no tonari de zutto zutto ne arukitai
ฉันอยากเดินเคียงข้างเธอตลอดไป ตลอดไปเลยนะ
やっと出逢えた奇跡を 信じたいから
yatto deaeta kiseki wo shinjitai kara
เพราะว่าในที่สุดฉันก็อยากเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ที่ได้พบเจอ
いつまでも ぎゅっと 抱きしめていて
itsumademo gyutto dakishimeteite
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็กอดฉันไว้แน่น ๆ ทีนะ


抱きしめていて
dakishimeteite
กอดไว้แน่น ๆ ทีนะ
________________________________


เพลงนี้ชื่อเพลง Kiseki มีความหมายว่า ‘ปาฏิหาริย์’ เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์โรแมนติกแฟนตาซีเรื่อง 今夜、ロマンス劇場で (Konya, Romance Gekijou de)
ผมถูกใจเพลงนี้ตั้งแต่ตอนที่ได้ดูตัวอย่าง (ที่จริงจะเรียกว่าตัวอย่างก็ไม่ถูก เพราะแค่นำฉากภาพยนตร์มาใส่ดนตรี) เห็นว่าความหมายเหมาะกับวันวาเลนไทน์ดี จึงเลือกลงวันนี้
ส่วนภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายในไทยวันที่ 12 เมษายน (โดนเลื่อนไปฉาย 3 พฤษภาคม) ถ้าใครสนใจก็ลองไปหาเรื่องย่ออ่านดูได้


แก้ไขเพิ่มวันที่ 12 พฤษภาคม 2561
สวัสดีคุณผู้อ่านครับ เมื่อวานนี้ผมก็เพิ่งมีโอกาสได้ไปดูหนังเรื่อง Konya, Romance Gekijou de หรือ Tonight, at Romance Thearter หรือในชื่อไทย ‘รักเรา จะพบกัน’ ก็เลยมาเขียนบอกเล่าความรู้สึกและความประทับใจหลังจากที่ได้ดู (ซึ่งคิดว่ามีสปอยด้วยแน่)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่ารู้สึกประทับใจหนังเรื่องนี้มาก เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของหนังแสดงให้เห็นถึงความผูกพันของพระเอก (เคนจิ) และนางเอก (เจ้าหญิงมิยูกิ)
จนมาถึงฉากที่เฉลยความจริงว่า มิยูกิไม่อาจสัมผัสตัวของเคนจิได้เพราะว่าตัวเองจะต้องหายไป สำหรับผมตรงนี้ก็ยังไม่ได้รู้สึกเศร้ามากนัก เพราะเคยมีบอกไว้ในตัวอย่าง
แต่พอมาถึงช่วงท้ายจนถึงฉากจบ ซึ่งเป็นช่วงที่ผมประทับใจที่สุดเลย ในช่วงสุดท้ายของชีวิตของเคนจิ มิยูกิได้พูดทุกอย่างที่เธอรู้สึกต่อเคนจิ ผ่านเกมพูดคำตามโจทย์ที่ทั้งคู่เล่นกันประจำ และได้เข้ากอดเคนจิ เคนจิเองก็ได้สัมผัสมือของมิยูกิ ทั้งคู่ได้รู้สึกถึงไออุ่นของกันและกัน ก่อนจะจากโลกนี้ไปด้วยกัน
ตอนที่กำลังดูอยู่ จู่ ๆ น้้ำตามันก็ไหลออกมา ความรู้สึกที่มีต่อฉากนี้มันมีทั้งสุขและเศร้าปนกันอยู่ รู้สึกเศร้าที่เห็นมิยูกิต้องเห็นคนที่รักกำลังจากไป และมีความสุขที่ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน ได้สัมผัสกันและกัน และจากไปด้วยกัน
พอตัดมาฉากสุดท้าย ฉากตอนจบของหนังที่เคนจิเขียนไว้ ฉากปราสาทที่เคนจิสามารถสัมผัสตัวมิยูกิได้โดยมิยูกิไม่หายไป แล้วภาพสีขาวดำก็เปลี่ยนเป็นสีสันสดใส เป็นฉากที่เห็นแล้วมีความสุขมากเลยครับ แม้ว่าจะร้องไห้อยู่แต่กลับร้องไห้ออกมาอย่างมีความสุข


แล้วก็อีกหนึ่งสิ่งที่ประทับใจในหนังเรื่องนี้คือ ตัวละคร ‘ริวโนสุเกะ ชุนโด’ ดาราอันดับ 1 (น่าจะเป็นตัวฮาของเรื่อง 555) สิ่งที่ประทับใจในตัวละครนี้เลยคือ คำพูดที่พูดกับเคนจิตอนท้าย ๆ ประมาณว่า “สายตาของลูกผู้ชายมีไว้มองอนาคตข้างหน้าที่ได้อยู่กับคนที่รัก ถ้าก้มหน้าก็จะมองเห็นแต่ปัจจุบัน” คือแบบไม่รู้ว่าทางหนังต้องการให้เป็นคำพูดที่ทำให้เคนจิคิดได้และกลับไปหามิยูกิรึเปล่า แต่ที่จริงคงกลับไปหาเพราะชุนโดเล่าให้ฟังว่ามิยูกิมาถามถึงวิธีกลับโลกเดิมนั่นแหละ 555
แต่เอาเป็นว่าสำหรับผมตัวละครนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สร้างสีสันให้หนังเรื่องนี้


แล้ววันนี้เองก็ได้แก้เนื้อเพลงไปบางท่อนด้วย ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปหรือไม่ถูกใจ
ต้องขอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาอ่านกันครับ :)