วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Kiseki / Che’Nelle



奇跡 / シェネル




願いを今 伝えたいから
negai wo ima tsutaetai kara
เพราะว่าตอนนี้ ฉันอยากจะบอกคำอธิษฐานออกไป
愛しい君よ そばで 微笑んでいて
itoshii kimi yo soba de hohoen de ite
เธอผู้เป็นที่รัก ช่วยยิ้มอยู่เคียงข้างฉันทีนะ


まだまだ ぎこちない 二人だけど
madamada gikochinai futari dakedo
ถึงเราสองคนจะยังคงไม่คุ้นชินกัน
ゆっくり 歩んでゆこう
yukkuri ayundeyukou
แต่ว่าเราค่อย ๆ เดินไปด้วยกันเถอะนะ
時にすれ違う日もあるけれど
toki ni surechigau hi mo aru kedo
บางครั้งพวกเราก็มีวันที่ความคิดสวนทางกัน
君となら 涙も分け合えるから
kimo to nara namida mo wakaeaeru kara
แต่ถ้าได้อยู่กับเธอ ก็สามารถร่วมแบ่งปันน้ำตากันได้


叶うのなら
kanau no nara
ถ้าเป็นจริงได้
君の隣で ずっと ずっとね 歩きたい
kimi no tonari de zutto zutto ne arukitai
ฉันอยากเดินเคียงข้างเธอตลอดไป ตลอดไปเลยนะ
やっと出逢えた奇跡を 信じたいから
yatto deaeta kiseki wo shinjitai kara
เพราะว่าในที่สุดฉันก็อยากเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ที่ได้พบเจอ
いつまでも ぎゅっと 抱きしめていて
itsumademo gyutto dakishimeteite
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็กอดฉันไว้แน่น ๆ ทีนะ


不安なこと 上手く言えないこと
fuan na koto umaku ienai koto
ทั้งเรื่องที่ฉันกังวล และเรื่องที่พูดออกไปได้ไม่ดีนัก
まだ沢山あるけど 見守っててね
mada takusan aru kedo mimamottete ne
ฉันยังมีอีกมากมายเลย แต่ว่าช่วยเฝ้ามองฉันต่อไปทีนะ


繰り返す季節は 二人を変え
kurikaesu kisetsu wa futari wo kae
ฤดูกาลที่ผันเปลี่ยนซ้ำไปซ้ำมา ได้เปลี่ยนแปลงเราสองคน
何度も 戸惑うけど
nandomo tomadou kedo
ให้ต้องสับสนอยู่หลายครั้ง
不思議なほどに 君が笑うと
fushigi na hodo ni kimi ga warau to
เพียงเธอยิ้มออกมาอย่างน่าประหลาดใจ
それだけで 世界は美しくなる
sore dake de sekai wa utsukushiku naru
แค่นั้น โลกก็พลันสวยงามขึ้นมา


叶うのなら
kanau no nara
ถ้าเป็นจริงได้
君と未来を もっと もっとね 見てみたい
kimi to mirai wo motto motto ne mitemitai
ฉันอยากจะลองเฝ้ามองอนาคตไปกับเธอ ให้มากขึ้น มากขึ้นไปอีกนะ
やっと出逢えた 奇跡を信じたいから
yatto deaeta kiseki wo shinjitai kara
เพราะว่าในที่สุดฉันก็อยากเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ที่ได้พบเจอ
これからも ぎゅっと 抱きしめていて
kore kara mo gyutto dakishimeteite
จากนี้ต่อไป ก็กอดฉันไว้แน่น ๆ ทีนะ


探し続けていたの
sagashi tsuzukete ita no
ปาฏิหาริย์เพียงหนึ่งเดียว
たった一つの奇跡を
tatta hitotsu no kiseki wo
ที่ฉันกำลังตามหาอยู่
もう もう 離さないで
mou mou hanasanaide
อย่าได้ อย่าได้ ปล่อยมันไปอีกเลยนะ


君と二人で ずっと ずっとね...
kimi to futari de zutto zutto ne…
ได้อยู่กับเธอเพียงสองคน ตลอดไป ตลอดไปเลยนะ...


大好きだよ
daisuki da yo
ฉันรักเธอที่สุดเลย
君の隣で ずっと ずっとね 歩きたい
kimi no tonari de zutto zutto ne arukitai
ฉันอยากเดินเคียงข้างเธอตลอดไป ตลอดไปเลยนะ
やっと出逢えた奇跡を 信じたいから
yatto deaeta kiseki wo shinjitai kara
เพราะว่าในที่สุดฉันก็อยากเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ที่ได้พบเจอ
いつまでも ぎゅっと 抱きしめていて
itsumademo gyutto dakishimeteite
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็กอดฉันไว้แน่น ๆ ทีนะ


抱きしめていて
dakishimeteite
กอดไว้แน่น ๆ ทีนะ
________________________________


เพลงนี้ชื่อเพลง Kiseki มีความหมายว่า ‘ปาฏิหาริย์’ เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์โรแมนติกแฟนตาซีเรื่อง 今夜、ロマンス劇場で (Konya, Romance Gekijou de)
ผมถูกใจเพลงนี้ตั้งแต่ตอนที่ได้ดูตัวอย่าง (ที่จริงจะเรียกว่าตัวอย่างก็ไม่ถูก เพราะแค่นำฉากภาพยนตร์มาใส่ดนตรี) เห็นว่าความหมายเหมาะกับวันวาเลนไทน์ดี จึงเลือกลงวันนี้
ส่วนภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายในไทยวันที่ 12 เมษายน (โดนเลื่อนไปฉาย 3 พฤษภาคม) ถ้าใครสนใจก็ลองไปหาเรื่องย่ออ่านดูได้


แก้ไขเพิ่มวันที่ 12 พฤษภาคม 2561
สวัสดีคุณผู้อ่านครับ เมื่อวานนี้ผมก็เพิ่งมีโอกาสได้ไปดูหนังเรื่อง Konya, Romance Gekijou de หรือ Tonight, at Romance Thearter หรือในชื่อไทย ‘รักเรา จะพบกัน’ ก็เลยมาเขียนบอกเล่าความรู้สึกและความประทับใจหลังจากที่ได้ดู (ซึ่งคิดว่ามีสปอยด้วยแน่)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่ารู้สึกประทับใจหนังเรื่องนี้มาก เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของหนังแสดงให้เห็นถึงความผูกพันของพระเอก (เคนจิ) และนางเอก (เจ้าหญิงมิยูกิ)
จนมาถึงฉากที่เฉลยความจริงว่า มิยูกิไม่อาจสัมผัสตัวของเคนจิได้เพราะว่าตัวเองจะต้องหายไป สำหรับผมตรงนี้ก็ยังไม่ได้รู้สึกเศร้ามากนัก เพราะเคยมีบอกไว้ในตัวอย่าง
แต่พอมาถึงช่วงท้ายจนถึงฉากจบ ซึ่งเป็นช่วงที่ผมประทับใจที่สุดเลย ในช่วงสุดท้ายของชีวิตของเคนจิ มิยูกิได้พูดทุกอย่างที่เธอรู้สึกต่อเคนจิ ผ่านเกมพูดคำตามโจทย์ที่ทั้งคู่เล่นกันประจำ และได้เข้ากอดเคนจิ เคนจิเองก็ได้สัมผัสมือของมิยูกิ ทั้งคู่ได้รู้สึกถึงไออุ่นของกันและกัน ก่อนจะจากโลกนี้ไปด้วยกัน
ตอนที่กำลังดูอยู่ จู่ ๆ น้้ำตามันก็ไหลออกมา ความรู้สึกที่มีต่อฉากนี้มันมีทั้งสุขและเศร้าปนกันอยู่ รู้สึกเศร้าที่เห็นมิยูกิต้องเห็นคนที่รักกำลังจากไป และมีความสุขที่ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน ได้สัมผัสกันและกัน และจากไปด้วยกัน
พอตัดมาฉากสุดท้าย ฉากตอนจบของหนังที่เคนจิเขียนไว้ ฉากปราสาทที่เคนจิสามารถสัมผัสตัวมิยูกิได้โดยมิยูกิไม่หายไป แล้วภาพสีขาวดำก็เปลี่ยนเป็นสีสันสดใส เป็นฉากที่เห็นแล้วมีความสุขมากเลยครับ แม้ว่าจะร้องไห้อยู่แต่กลับร้องไห้ออกมาอย่างมีความสุข


แล้วก็อีกหนึ่งสิ่งที่ประทับใจในหนังเรื่องนี้คือ ตัวละคร ‘ริวโนสุเกะ ชุนโด’ ดาราอันดับ 1 (น่าจะเป็นตัวฮาของเรื่อง 555) สิ่งที่ประทับใจในตัวละครนี้เลยคือ คำพูดที่พูดกับเคนจิตอนท้าย ๆ ประมาณว่า “สายตาของลูกผู้ชายมีไว้มองอนาคตข้างหน้าที่ได้อยู่กับคนที่รัก ถ้าก้มหน้าก็จะมองเห็นแต่ปัจจุบัน” คือแบบไม่รู้ว่าทางหนังต้องการให้เป็นคำพูดที่ทำให้เคนจิคิดได้และกลับไปหามิยูกิรึเปล่า แต่ที่จริงคงกลับไปหาเพราะชุนโดเล่าให้ฟังว่ามิยูกิมาถามถึงวิธีกลับโลกเดิมนั่นแหละ 555
แต่เอาเป็นว่าสำหรับผมตัวละครนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สร้างสีสันให้หนังเรื่องนี้


แล้ววันนี้เองก็ได้แก้เนื้อเพลงไปบางท่อนด้วย ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปหรือไม่ถูกใจ
ต้องขอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาอ่านกันครับ :)

2 ความคิดเห็น: