วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Starry Wish / Minase Inori



Starry Wish / 水瀬いのり



強くなりたいと震えている 背中を見つめて
tsuyoku naritai to furueteiru senaka wo mitsumete
ตัวฉันที่สั่นไหวด้วยความรู้สึกที่อยากแข็งแกร่งขึ้น ได้แต่เฝ้ามองแผ่นหลังของเธอ
凛と咲く花に願い事「君のことを守りたい」
rin to saku hana ni negai koto “kimi no koto wo mamoritai”
ฉันจึงอธิษฐานต่อหน้าดอกไม้ที่เบ่งบานอย่างงดงามว่า ”ฉันอยากเป็นคนปกป้องเธอบ้าง”


一人じゃ歩けないと気付いた 眠れない街で
hitori ja arukenai to kizuita nemurenai machi de
ฉันรู้สึกได้ว่าฉันไม่ได้เดินอยู่ตามลำพังในเมืองที่ไม่หลับใหล
大切な人の手の温もりで 僕は優しくなれた
taisetsu na hito no te no nukumori de boku wa yasashiku nareta
ด้วยความอบอุ่นจากมือของคนที่แสนสำคัญทำให้ฉันรู้สึกอ่อนโยนขึ้นมา


飛び立てるよ もう迷わない
tobitateruyo mou mayowanai
จะโบยบินไปโดยไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว
見上げれば 果てない 星よ 僕らを照らして
miagereba hatenai hoshi yo bokura wo terashite
พอเงยหน้าขึ้นมอง เหล่าดวงดาวที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุดก็ส่องสว่างมาที่เรา


巡り巡る時間(とき)の中で 芽生えた願い 紡いでく
meguri meguru toki no naka de mebaeta negai tsumuideku
ท่ามกลางช่วงเวลาที่หมุนเวียนไปมา ฉันจะถักทอความปรารถนาที่เพิ่มพูนขึ้น
悲しみの記憶は 勇気の種になる
kanashimi no kioku wa yuuki no tane ni naru
แม้จะเป็นความทรงจำที่แสนเศร้าก็จะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความกล้า
希望の光 貫いて
kibou no hikari tsuranuite
ให้ฟันฝ่าไปด้วยแสงสว่างแห่งความหวัง


閉じ込めた心の鍵は 僕が開けてみせる
tojikometa kokoro no kagi wa boku ga akete miseru
ถึงหัวใจของเธอจะถูกปิดเอาไว้ ฉันก็จะเป็นคนเปิดมันออกมาเอง
描き出す 未来の地図よ 強く輝いて
egakidasu mirai no chizu yo tsuyoku kagayaite
แล้วแผนที่ของอนาคตขึ้นมาที่เราช่วยกันวาดก็ส่องสว่างอย่างเจิดจ้า


傷つかないものなんてないと 誰かが言ってた
kizutsukanai mono nante nai to dareka ga itteta
ใครซักคนเคยพูดเอาไว้ว่าสิ่งที่ไม่ทำให้บาดเจ็บน่ะมันไม่มีหรอก
乗り越えてきた一つ一つ 夢のつぼみになる
norikoetekita hitotsu hitotsu yume no tsubomi ni naru
แต่ฉันก็จะค่อย ๆ ก้าวข้ามมันไปให้ได้ แล้วกลายเป็นดอกตูมแห่งความฝัน


君といれば もう怖くない
kimi ga ireba mou kowakunai
ตราบที่ยังมีเธออยู่ ฉันก็จะไม่กลัวอีกต่อไป
寄りそえば 微笑む 星よ 僕らを照らして
yorisoeba hohoemu hoshi yo bokura wo terashite
พอได้แนบชิดใกล้กัน เหล่าดวงดาวที่ยิ้มแย้มก็ส่องสว่างมาที่เรา


巡り巡る時間(とき)の中で 確かな温もり感じてる
meguri meguru toki no naka de tashikana nukumori kanjiteru
ท่ามกลางช่วงเวลาที่หมุนเวียนไปมา ฉันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่มั่นคง
愛する歓びは 勇気の花になる 希望の光 貫いて
aisuru yorokobi wa yuuki no hana ni naru kibou no hikari tsuranuite
แล้วความยินดีที่ได้รักใครซักคนก็กลายเป็นดอกไม้แห่งความกล้า
ให้ฟันฝ่าไปด้วยแสงสว่างแห่งความหวัง


空白の思い出ならば 僕が埋めてみせる
kuuhaku no omoide naraba boku ga umete miseru
ถึงจะเป็นความทรงจำที่ว่างเปล่า ฉันก็จะเป็นคนเติมเต็มให้เอง
この誓い自由の空へ 遠く羽ばたいて
kono chikai jiyuu no sora e tooku habataite
คำสาบานนี้จะล่องลอยไกลไปยังผืนฟ้าแห่งอิสรภาพ


心の中 見せ合えたなら 何度だって立ち上がれるんだ
kokoro no naka miseaeta nara nando datte tachiagarerunda
หากได้เห็นข้างในหัวใจของกันและกัน ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้ง ฉันก็จะลุกขึ้นมา
あの日見せた 君の笑顔 僕は取り戻すよ
ano hi miseta kimi no egao boku wa torimodosu yo
ฉันจะทวงคืนรอยยิ้มของเธอที่ได้เห็นในวันนั้นกลับมาให้เอง


星降る夜 瞳閉じて 溢れる想い信じてる
hoshi furu yoru hitomi tojite afureru omoi shinjiteru
ในค่ำคืนที่ดวงดาวตกลงมา ฉันหลับตาลงและเชื่อมั่นในความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมา
歓喜の歌声は 未来へ鳴り響く
kanki no uta koe wa mirai e nari hibiku
เสียงร้องที่สนุกสนานนี้จะดังก้องกังวานไปยังอนาคต
希望の光 それは君
kibou no hikari sore ga kimi
แสงสว่างแห่งความหวังนี้ก็คือเธอ


大きく両手を広げて 君と駆け抜けよう
ookiku ryoute wo hirogete kimi to kakenukeyou
กางมือออกให้กว้าง และฟันฝ่าไปพร้อมกับเธอ
かけがえない 僕らの時間
kakegaenai bokura no jikan
ช่วงเวลาของฉันที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้
美しく輝け 繋いだ手の中で
utsukushiku kagayake tsunada te no naka de
จะส่องสว่างอย่างงดงาม อยู่ภายในมือที่กุมกันไว้

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Kaze ga Fuku Machi / LUCKLIFE



風が吹く街 / ラックライフ



抱きしめて離さずに
dakishimete hanasazu ni
จะกอดมันเอาไว้ จะไม่ปล่อยไปไหน
大事なモノと今
daiji na mono to ima
สิ่งสำคัญกับช่วงเวลาปัจจุบัน
僕はここで息をしてる
boku wa koko de iki wo shiteru
ที่ทำให้ฉันยังคงหายใจอยู่ตรงนี้


君がくれた言葉は
kimi ga kureta kotoba wa
คำพูดที่เธอมอบให้ฉันมา
今も僕の中の
ima mo boku no naka no
ตอนนี้มันอยู่ ณ มุมหนึ่ง
片隅に置いてある
katasumi ni oite aru
ในตัวฉัน
大事にしまっている
daiji ni shimatte iru
ฉันจะรักษามันเป็นอย่างดี
いつも胸の中にある
itsumo mune no naka ni aru
ข้างในหัวใจของฉันตลอดไป


何度も思い出しては
nandomo omoidashite wa
หลายต่อหลายครั้งที่นึกถึงมัน
心で繰り返してる
kokoro de kurikaeshiteru
ยิ่งเป็นการตอกย้ำในใจ
その度力になる
sono tabi chikara ni naru
ให้มันกลายพลังให้กับฉัน


風が吹くこの街で
kaze ga fuku machi de
ภายในเมืองนี้ที่สายลมพัดผ่าน
生きてるよ僕らしく
ikiteru yo boku rashiku
ฉันจะมีชีวิตต่อไปในแบบของฉัน
君に胸張れるように
kimi ni mune hareru you ni
เพื่อที่จะได้ยืดอกภูมิใจต่อหน้าเธอได้
抱きしめて離さずに
dakishimete hanasazu ni
จะกอดมันเอาไว้ จะไม่ปล่อยไปไหน
大事なモノと今
daiji na mono to ima
สิ่งสำคัญกับช่วงเวลาปัจจุบัน
僕はここで息をしてる
boku wa koko de iki wo shiteru
ที่ทำให้ฉันยังคงหายใจอยู่ตรงนี้


何か変わる気がしてた
nanika kawaru ki ga shiteta
ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกไป
僕ら生きる世界
bokura ikiru sekai
บนโลกที่เรามีชีวิตอยู่
淡々と廻ってる
tantan to mawatteru
แม้ว่ามันจะหมุนไปตามปกติ
何も変わりやしない
nani mo kawari yashinai
แต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
こんなにも違うのに
konna ni mo chigau noni
แบบนี้มันเริ่มผิดปกติแล้วสิ


世界は救えなくていい
sekai wa sukuenakute ii
แม้ว่าโลกจะไม่ถูกช่วยไว้ก็ไม่เป็นไร
でも大事なモノだけ
demo daiji no mono dake
ขอเพียงแค่สิ่งสำคัญเท่านั้น
ちゃんと握り締めてる
chanto nigiri shimeteru
ที่ฉันจะกำรักษามันเอาไว้ให้แน่น


あれからどれくらい
are kara dore kurai
แล้วหลังจากนั้น พวกเรา
僕ら進めたのかな
bokura susumeta no ka na
จะต้องเดินไปข้างหน้าอีกเท่าไหร่กัน
ふと思い出すのさ
futo omidasu no sa
จู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้
確かにあの時
tashikani ano toki
ว่าจริงด้วยสิ ในตอนนั้น
共に生きた日々の
tomi no ikita hibi no
อนาคตของวันเวลาที่ได้มีชีวิตร่วมกับเธอ
未来がここにあるよ
mirai ga koko ni aru yo
อยู่ที่ตรงนี้แล้วไง


君がくれた言葉は
kimi ga kureta kotoba wa
คำพูดที่เธอมอบให้ฉันมา
今も僕の中の
ima mo boku no naka no
ตอนนี้มันอยู่ ณ มุมหนึ่ง
片隅に置いてある
katasumi ni oite aru
ในตัวฉัน
大事にしまっている
daiji na mono to ima
สิ่งสำคัญกับช่วงเวลาปัจจุบัน
いつも胸の中にある
itsumo mune no naka ni aru
ข้างในหัวใจของฉันตลอดไป


風が吹くこの街で
kaze ga fuku machi de
ภายในเมืองนี้ที่สายลมพัดผ่าน
生きてるよ僕らしく
ikiteru yo boku rashiku
ฉันจะมีชีวิตต่อไปในแบบของฉัน
君に胸張れるように
kimi ni mune hareru you ni
เพื่อที่จะได้ยืดอกภูมิใจต่อหน้าเธอได้
抱きしめて離さずに
dakishimete hanasazu ni
จะกอดมันเอาไว้ จะไม่ปล่อยไปไหน
大事なモノと今
daiji na mono to ima
สิ่งสำคัญกับช่วงเวลาปัจจุบัน
僕はここで
boku wa koko de
ที่ทำให้ฉันยังคงอยู่ตรงนี้


あれからどれくらい
are kara dore kurai
แล้วหลังจากนั้น พวกเรา
僕ら進めたのかな
bokura susumeta no ka na
จะต้องเดินไปข้างหน้าอีกเท่าไหร่กัน
ふと思い出すのさ
futo omidasu no sa
จู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้
確かにあの時
tashikani ano toki
ว่าจริงด้วยสิ ในตอนนั้น
共に生きた日々の
tomi no ikita hibi no
อนาคตของวันเวลาที่ได้มีชีวิตร่วมกับเธอ
未来がここにあるよ
mirai ga koko ni aru yo
อยู่ที่ตรงนี้แล้วไง

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Dear.. / Nanjo Yoshino



Dear.. / 南條愛乃



聞いてくれる ボクの気持ち
kiite kureru boku no kimochi
ช่วยฟังหน่อยเถอะนะ ความรู้สึกของฉันน่ะ
今だからこの言葉 伝えたくて
ima dakara kono kotoba tsutaetakute
เพราะว่าตอนนี้ฉันมีคำพูดที่อยากจะพูดออกไปเหลือเกิน
照れくさいけど 笑わないでね
terekusai kedo warawanaide ne
อาจจะฟังดูน่าอายไปหน่อย แต่ก็อย่าหัวเราะนะ
キミからもらったこと 大切だから
kimi kara moratta koto taisetsu dakara
เพราะสิ่งที่ฉันได้รับมาจากเธอน่ะ มันสำคัญมากเลยล่ะ


覚えてる?
oboeteru?
จำได้รึปล่า?
キミと初めて会った時 ぎこちない空間の中
kimi to hajimete atta toki gikochinai kuukan no naka
ครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเธอ มันช่างเป็นบรรยากาศที่ไม่คุ้นชินเอาซะเลย  
だまって座ってたその横顔
damatte suwatteta sono yokogao
เราได้แต่นั่งเงียบไม่พูดอะไร จนฉันรู้สึกราวกับ
少し遠いところにいて
sukoshi tooi tokoro ni ite
ใบหน้าของเธอค่อย ๆ ห่างไกลออกไปทีละนิด


どれだけ 笑い
dore dake warai
จะต้องหัวเราะออกมามากเพียงไหน
どれだけ 涙したんだろう
dore dake namida shitan darou
จะต้องหลั่งน้ำตาออกมาเพียงใด
ちがう道を歩く僕たちは そっと寄りそうように
chigau michi wo aruku bokutachi wa sotto yorisou you ni
พวกเราที่เดินอยู่บนเส้นทางที่แตกต่างกัน ถึงจะได้อยู่ใกล้ชิดกัน
偶然をキセキに変えた
guuzen wo kiseki ni kaeta
ราวกับความบังเอิญที่แปรเปลี่ยนเป็นปาฏิหาริย์
どれだけ 想い
dore dake omoi
จะต้องใช้ความรู้สึกมากเพียงไหน
どれだけ 重なったんだろう
dore dake kasanattan darou
จะต้องรวบรวมมาอีกมากเพียงใด
最初は知らなくて 手探りの中でトキをきざみ
saisho wa shiranakute tesaguri no naka de toki wo kizami
ถึงตอนแรกจะไม่รู้อะไรเลย ดูเป็นคนซุ่มซ่าม
แต่ฉันจะจารึกช่วงเวลานี้เอาไว้
いま伝える
ima tsutaeru
ตอนนี้จะพูดออกไปล่ะนะ
心にありがとう。
kokoro ni arigatou.
ขอบคุณมากจากหัวใจของฉันเลย


聞いてくれた ボクの気持ち
kiite kureta boku no kimochi
ช่วยฟังหน่อยเถอะนะ ความรู้สึกของฉันน่ะ
さしのべてくれた手は 暖かくて
sashinobete kureta te wa atatakakute
มือของเธอที่ยื่นมาให้ มันอบอุ่นมากเลยนะ
その瞬間に感じたんだ
sono shunkan ni kanjitanda
ทำให้ช่วงเวลานั้น ฉันก็รู้สึกได้ถึง
キミのぬくもり よわさ 笑顔の意味を
kimi no nukumori yowasa egao no imi wo
ความหมายของไออุ่น ความอ่อนแอ และรอยยิ้มของเธอ


覚えてる?
oboeteru?
จำได้รึเปล่า?
キミとカフェでお茶をしたり
kimi to kafe de ocha wo shitari
ตอนที่ได้ไปนั่งจิบชากับเธอที่คาเฟ่
ソファでうとうとしてたり
sofa de utouto shitetari
ฉันเผลอหลับไปบนโซฟา
長電話を付き合ってくれたり
nagadenwa wo tsukiatte kuretari
สุดท้ายก็กลายเป็นการเดทกันทางโทรศัพท์อย่างยาวนาน
いつの間にか近くにいて
itsunomanika chikaku ni ite
แต่ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่รู้สึกว่าเราได้อยู่ใกล้กัน


どれだけ 笑い
dore dake warai
จะต้องหัวเราะออกมามากเพียงไหน
どれだけ 涙したんだろう
dore dake namida shitan darou
จะต้องหลั่งน้ำตาออกมาเพียงใด
あたり前に会えることが心地よく
atarimae ni aeru koto ga kokochiyoku
ฉันถึงจะรู้สึกเป็นปกติ ไม่เคอะเขินเวลาที่เราได้พบกัน
くだらないこと笑い合っていた毎日
kudaranai koto waraiatteita mainichi
และได้หัวเราะให้กับเรื่องไร้สาระไปด้วยกันทุกวัน
どれだけ 想い
dore dake omoi
จะต้องใช้ความรู้สึกมากเพียงไหน
どれだけ 重なったんだろう
dore dake kasanattan darou
จะต้องรวบรวมมาอีกมากเพียงใด
明日これ話そうって 寝る前にいつも考えたり
ashita kore hanasoutte neru mae ni itsumo kangae tari
ทุกคืนก่อนนอนฉันคิดอยู่เสมอเลยว่า พรุ่งนี้เราจะได้คุยกันอีก
いま言えるよ
ima ieru yo
ตอนนี้จะพูดออกไปล่ะนะ
心へありがとう。
kokoro e arigatou.
ขอขอบคุณไปยังหัวใจของเธอเลย


すごした時間
sugoshita jikan
ทั้งเวลาที่เราสองคนได้ใช้ไปด้วยกัน
ふたりの言葉も全部 本当にタカラモノ
futari no kotoba mo zenbu hontou ni takaramono
และคำพูดของเรา ทั้งหมดล้วนเป็นสมบัติที่แสนล้ำค่า
ボクたちはね まだ 途中なんだ
bokutachi wa ne mada tochuu nanda
ถึงตอนนี้พวกเราจะยังติดอยู่ระหว่างทาง
これからも歩いてゆこう
kore kara mo aruite yukou
แต่จากนี้ต่อไปมาเดินไปด้วยกันให้ถึงปลายทางเถอะนะ


どれだけ 笑い
dore dake warai
จะต้องหัวเราะออกมามากเพียงไหน
どれだけ 涙したんだろう
dore dake namida shitan darou
จะต้องหลั่งน้ำตาออกมาเพียงใด
また笑顔で会える 予感がしてるんだ 頑張ろうね
mata egao de aeru yokan ga shiterunda ganbarou ne
ถึงจะได้พบกับรอยยิ้มนั่นอีก
เริ่มรู้สึกได้แล้วล่ะ มาพยายามไปด้วยกันเถอะ
いま伝える
ima tsutaeru
ตอนนี้จะพูดออกไปล่ะนะ
心にありがとう。
kokoro ni arigatou.
ขอบคุณมากจากหัวใจของฉันเลย



สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับ ปกติก็ไม่ได้มาลงอะไรทิ้งท้ายแบบนี้ไว้หรอก คราวนี้รู้สึกเป็นกรณีพิเศษนิด ๆ

บางคนอาจจะสงสับว่าทำไมถึงมี tag ของริปปี้หรือคุณอิดะ ริโฮะติดไว้นะครับ นั่นก็เพราะว่าเพลงนี้ริปปี้เป็นคนแต่งให้นันจังไว้ครับ ผมก็เลยอยากติดเอาไว้ ไม่มีอะไรมาก 555 (และเป็นสาเหตุที่ใช้สีเหลืองเป็นไฮไลต์ด้านหลังเนื้อเพลงด้วย เพราะสีเหลืองเป็นสีประจำตัวรินจัง ตัวละครที่เธอพากย์ครับ) แต่ก็มีเพลงที่นันจังแต่งให้ริปปี้เหมือนกันนะครับ ชื่อเพลงว่า まだ言えないけど、○○○ ไว้มีโอกาสก็จะแปลมาลงให้ได้อ่านกัน

ในส่วนของเพลง ชื่อเพลง Dear.. ตามที่ผมคิดไว้ไม่ได้แปลว่า ‘ที่รัก..’ เฉย ๆ แต่ผมคิดว่าน่าจะหมายถึง ‘ถึงเธอที่รัก..’ แบบที่เราใช้คำว่า Dear ขึ้นต้นจดหมาย เพราะตามความหมายเพลงมันเป็นการบอกความรู้สึกประกอบการเล่าเรื่องให้คนที่รักได้ฟัง (มโนล้วน ๆ เลยนะ 555)

ไว้พบกันใหม่ผลงานถัดไป ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะครับ :)