วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2566

Suzu ga Naru Hi / Mimori Suzuko



鈴がなる日 / 三森すずこ



作詞 : 中村彼方 作曲/編曲 : 佐藤純一(fhána)

(Lyrics : Nakamura Kanata Compose/Arrange : Sato Junichi (fhána))




風は祈りを 歌は願いを

kaze wa inori wo uta wa negai wo

สายลมค่อย ๆ หอบพาคำอธิษฐาน บทเพลงค่อย ๆ หอบพาความปรารถนา

夢は希望を そっと乗せて運んでいく

yume wa kibou wo sotto nosete hakondeiku

และความฝันก็ค่อย ๆ หอบพาความหวัง

繋がっている 結ばれている

tsunagatteiru musubareteiru

มาเชื่อมโยง ร้อยเรียงผูกมัด

ずっと過去からの

zutto kako kara no

สิ่งที่จะมอบให้

私宛ての贈り物は この温もり

watashi ate no okuri mono wa kono nukumori

ถึงตัวฉันในอดีตอันยาวนาน คือความอบอุ่นนี้




鉛筆を持つことすら むかし難しかったけど

enpitsu wo motsu koto sura mukashi muzukashikatta kedo

แม้การจับดินสอจะเคยเป็นเรื่องยากเมื่อนานมาแล้ว แต่ว่า

今は 自分の描いた未来を 生きているの

ima wa jibun no egaita mirai wo ikiteiru no

ในตอนนี้ ฉันก็กำลังมีชีวิตอยู่ในอนาคตที่ตัวเองเป็นคนวาด




(ほんとは ほんとはね)

(honto wa honto wa ne)

(ที่จริงแล้ว ที่จริงแล้วนะ)

世界は広いと知ってから

sekai wa hiroi to shitte kara

เพราะรู้ว่าโลกนั้นกว้างใหญ่

始まりの鈴が響いたの

hajimari no suzu ga hibiita no

เสียงกระดิ่งแห่งการเริ่มต้นจึงดังกังวาน

そして

soshite

แล้วจากนั้น

気持ち通じた日

kimochi tsuujita hi

ก็เป็นวันที่ได้เข้าใจความรู้สึก

種が芽吹いた日

tane ga mebuita hi

เป็นวันที่เมล็ดพันธุ์แตกหน่อออก

何かを受け取るそのたびに

nanika wo uketoru sono tabi ni

ในแต่ละครั้งที่ได้รับบางสิ่งมา

私の心で鈴がなる

watashi no kokoro de suzu ga naru

เสียงกระดิ่งที่อยู่ภายในใจของฉันก็ดังขึ้น

小さな手は いつかいつか

chiisana te wa itsuka itsuka

ด้วยมือเล็ก ๆ ของฉัน สักวันหนึ่ง

大きな何かを掴むためだった

ookina nanika wo tsukamu tame datta

ฉันตั้งใจจะคว้าบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้ได้




(ランランランランラン

(ran ran ran ran ran

(ran ran ran ran ran

ほら 歌うように鈴が聞こえる)

hora utau you ni suzu ga kikoeru)

ฟังสิ ได้ยินเสียงกระดิ่งดังราวกับร้องเพลง)




あの日確かに 未来(キョウ)が呼んでた

ano hi tashika ni kyou ga yondeta

จริงด้วยสิ ในวันนั้น อนาคตได้เรียกหา

迷う私に手招きして 「大丈夫」と

mayou watashi ni temaneki shite “daijoubu” to

และกวักมือเรียกตัวฉันที่หลงทาง พร้อมบอก “ไม่เป็นไร”

だから ひたすら走ってきたら

dakara hitasura hashittekitara

เพราะฉะนั้น ฉันจึงได้วิ่งมาอย่างมุ่งมั่น

現在(イマ)になったの

ima ni natta no

จนเวลากลายเป็นตอนนี้

「ほら、ここにはみんながいる 見えるでしょう」

“hora, koko ni wa minna ga iru mieru deshou”

“ดูสิ, ที่นี่มีทุกคนอยู่ มองเห็นใช่มั้ยล่ะ”




踏み出すことだけでも どんなに大変だったか

fumidasu koto dake demo donna ni taihen datta ka

การก้าวไปข้างหน้า มันยากลำบากขนาดไหน

私たちは誰でも 知ってるはずだから

watashitachi wa dare demo shitteru hazu dakara

พวกเรา ไม่ว่าใครต่างก็น่าจะรู้เรื่องนั้นดี เพราะฉะนั้น




(教えてね)

(oshiete ne)

(บอกฉันหน่อยสิ)

心が震えるそのたびに

kokoro ga fureru sono tabi ni

ทุกครั้งที่สัมผัสหัวใจ

小さな一つの鈴がなる

chiisana hitotsu no suzu ga naru

กระดิ่งเล็ก ๆ เพียงหนึ่งเดียวก็ดังขึ้้น

いつも

itsumo

ตลอดเวลา

支えてくれてる みんなの声が(みんなの声)

sasaete kureteru minna no koe ga (minna no koe)

ฉันได้รับการสนับสนุน เสียงของทุกคน (เสียงของทุกคน)

背中を押して(背中を押して)

senaka wo oshite (senaka wo oshite)

ช่วยผลักดันแผ่นหลังของฉัน (ช่วยผลักดันแผ่นหลัง)

ああ この鈴をならしてくれた

aa kono suzu wo narashitekureta

อา ทุกคนช่วยให้เสียงกระดิ่งนี้ดังขึ้น




今だけ静かに 鈴 ならそう

ima dake shizuka ni suzu narasou

มีเพียงแค่ตอนนี้ ที่ดูเหมือนเสียงกระดิ่งจะดังอย่างเงียบงัน

すやすや眠る姿 眺め

suyasuya nemuru sugata nagame

ฉันจ้องมองรูปลักษณ์ที่นอนหลับสนิท

君の…

kimi no…

ร่างของเธอ…

君のこんなにも小さな体まで 届いた温もり

kimi no konna ni mo chiisana karada made todoita nukumori

ฉันได้ส่งความอบอุ่น ไปให้ถึงร่างเล็ก ๆ ของเธอ




(小さな)

(chiisana)

(โลกใบเล็ก ๆ)

世界は広いと知ってから

sekai wa hiroi to shitte kara

เพราะรู้ว่ามันกว้างใหญ่

始まりの鈴が響いたの

始まりの鈴が響いたの

hajimari no suzu ga hibiita no

เสียงกระดิ่งแห่งการเริ่มต้นจึงดังกังวาน

そして

soshite

แล้วจากนั้น

気持ち通じた日

kimochi tsuujita hi

ก็เป็นวันที่ได้เข้าใจความรู้สึก

種が芽吹いた日

tane ga mebuita hi

เป็นวันที่เมล็ดพันธุ์แตกหน่อออก

何かを受け取るそのたびに

nanika wo uketoru sono tabi ni

ในแต่ละครั้งที่ได้รับบางสิ่งมา

私の心で鈴がなる

watashi no kokoro de suzu ga naru

เสียงกระดิ่งที่อยู่ภายในใจของฉันก็ดังขึ้น

小さな手は いつかいつか

chiisana te wa itsuka itsuka

ด้วยมือเล็ก ๆ ของฉัน สักวันหนึ่ง

大きな何かを掴むため きっと

ookina nanika wo tsukamu tame kitto

ฉันตั้งใจจะคว้าบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้ได้ รับรองเลย




(ランランランランラン

(ran ran ran ran ran

(ran ran ran ran ran

ねえ 君も一緒に歌おうよ

nee kimi mo issho ni utaou yo

นี่ เธอเองก็มาร้องเพลงด้วยกันสิ

ランランランランランララン

ran ran ran ran ran ra ran

ran ran ran ran ran ra ran

ほら 遠くまで聞こえるように)

hora tooku made kikoeru you ni)

ฟังสิ ราวกับจะได้ยินไปไกลแสนไกลเลย)



เนื้อเพลงภาษาญี่ปุ่น : https://www.uta-net.com/song/335626/


วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2566

Reflection in the mirror / Cerise Bouquet



Reflection in the mirror / スリーズブーケ


作詞 : ケリー 作曲 : 桃宇アリサ、めんま

編曲 : めんま 弦編曲 : 真部 裕

(Lyrics : Kelly Compose : Momou Arisa, Menma

Arrange : Menma String Arrange : Manabe Yu)




君が笑えば笑い 君が泣くたび泣いてしまう

kimi ga waraeba warai kimi ga naku tabi naite shimau

หากเธอยิ้มออกมา ฉันก็ยิ้ม ทุกครั้งที่เธอร้องไห้ ฉันก็ร้องด้วย

鏡越しに 私たちは向かい合う

kagami goshi ni watashitachi wa mukaiau

พวกเราหันหน้าเข้าหากันผ่านกระจก

なんて不思議な世界 目の前に広がる景色は

nante fushigi na sekai me no mae ni hirogaru keshiki wa

ช่างเป็นโลกที่แปลกประหลาด ทิวทัศน์กว้างใหญ่ตรงหน้า

なにもかもが 逆さまに映る (It's another world)

nanimo kamo ga sakasama ni utsuru (It's another world)

ไม่ว่าอะไรก็สะท้อนกลับด้านไปหมดเลย (It’s another world)




こんな 私でいいのかな… (I'm worried)

konna watashi de ii no kana... (I'm worried)

ตัวฉันที่เป็นแบบนั้นมันดีอยู่แล้วรึเปล่านะ… (I'm worried)

背を向けたら 独りと変わらないねきっと

se wo muketara hitori to kawaranai ne kitto

ถ้าหันหลังให้ตัวเอง ฉันก็ต้องอยู่เพียงลำพังและไม่มีอะไรเปลี่ยนไป

信じるしかない ここに在る自分を

shinjiru shikanai koko ni aru jibun wo

ฉันจึงมีแต่จะต้องเชื่อมั่นในตัวเองที่อยู่ตรงนี้

それがきっと君のことを信じるってことだ

sore ga kitto kimi no koto wo shinjiru tte koto da

นั่นน่ะต้องเป็นการเชื่อมั่นในตัวเธอด้วยอย่างแน่นอน




どこだって行けるよね せーのでこの壁を壊して

doko datte ikeru yo ne seeno de kono kabe wo kowashite

ไม่ว่าที่ไหนก็ไปได้สินะ งั้นนับหนึ่งสอง แล้วพังกำแพงนี้เลย

手を取り合えたら 夢もほら夢じゃなくなる

te wo toriaetara yume mo hora yume janaku naru

หากเราจับมือกันไว้ ดูสิ แม้แต่สิ่งที่ฝันก็จะไม่ใช่เพียงความฝันอีกต่อไป

透明なその欠片に 乱反射する光

toumei na sono kakera ni ranhansha suru hikari

แสงสว่างที่เศษเสี้ยวโปร่งใสนั้นที่สะท้อนออกไปหลายทิศทาง

キラキラ輝いてる それは未来

kirakira kagayaiteru sore wa mirai

กำลังเปล่งประกายระยิบระยับ สิ่งนั้นคืออนาคตยังไงล่ะ




間違い探しじゃないのに 間違いばかり探してしまう

machigai sagashi janai no ni machigai bakari sagashite shimau

ทั้งที่ไม่ได้ตามหาข้อผิดพลาด แต่สุดท้ายก็เป็นการตามหาที่เต็มไปด้วยข้อผิดพลาด

自問自答 出口のない迷路だね

jimonjitou deguchi no nai meiro da ne

ถามเองตอบเอง เหมือนเขาวงกตที่ไร้ทางออกเลย

×をつける私に ○をつけた君のせいかな

batsu wo tsukeru watashi ni maru wo tsuketa kimi no sei kana

เป็นเพราะเธอได้มอบเครื่องหมาย O (ถูก) ให้กับตัวฉันที่คอยสร้างแต่เครื่องหมาย X (ผิด) รึเปล่านะ

'ありのままで' 今はそう思える (I'll just be myself)

‘ari no mama de’ ima wa sou omoeru (I'll just be myself)

‘เป็นตัวเองในแบบที่เป็นอยู่’ ในตอนนี้ฉันถึงสามารถคิดแบบนี้ได้ (I'll just be myself)




言葉 だけじゃ足りないな… (Want to tell)

kotoba dake ja tarinai na... (Want to tell)

แค่เพียงคำพูดอย่างเดียว มันไม่พอหรอกนะ… (Want to tell)

心の中 半分も伝えきれない

kokoro no naka hanbun mo tsutae kirenai

แม้แต่ครึ่งนึงของสิ่งที่อยู่ในใจ ก็ถ่ายทอดออกไปไม่ได้หรอก

吐き出した息で 曇る視界の先

hakidashita iki de kumoru shikai no saki

ด้วยลมหายใจออก อีกฟากของทัศนวิสัยมืดมัว

拭い去って見えたものは間違いなく奇跡

nuguisatte mieta mono wa machigainaku kiseki

ที่ฉันปัดเป่าไป สิ่งที่ได้เห็นต้องเป็นปาฏิหาริย์อย่างแน่นอน




なんだって出来るよね せーのでまた壁を壊して

nanda tte dekiru yo ne seeno de mata kabe wo kowashite

สามารถทำอะไรก็ได้สินะ งั้นนับหนึ่งสอง แล้วพังกำแพงอีกรอบเลย

'一緒に叶えたい' 理由なんてそれだけでいい

‘issho ni kanaetai’ riyuu nante sore dake de ii

‘อยากทำให้เป็นจริงไปด้วยกัน’ แค่มีเหตุผลที่ว่านี่ก็พอแล้ว

境界線飛び越えて そこがスタートライン

kyoukaisen tobikoete soko ga sutaato rain

กระโดดข้ามเส้นแบ่งเขตไปเลย ที่ตรงนั้นคือเส้นสตาร์ท

どんな道だとしても 怖くはない

donna michi da to shite mo kowaku wa nai

ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแบบไหน ก็ไม่กลัวหรอกนะ




ねえ聞こえる? 鏡よ鏡さん

nee kikoeru? kagami yo kagami san

นี่ได้ยินรึเปล่า? คุณกระจก

今の私たちには あなたはいらない

ima no watashitachi ni wa anata wa iranai

พวกเราในตอนนี้ไม่ต้องใช้คุณกระจกแล้วล่ะ

答えなら ちゃんと見つけたよ

kotae nara chanto mitsuketa yo

ถ้าเป็นคำตอบล่ะก็ พวกเราหาเจอแล้วล่ะ

こんなにも 全ては美しい

konna ni mo subete wa utsukushii

ทุก ๆ สิ่งน่ะ ช่างสวยงามมากเลย




目を閉じれば分かる 泣きたいほど温かい場所

me wo tojireba wakaru nakitai hodo atatakai basho

หากหลับตาลงก็รู้ได้เลย ถึงสถานที่ที่อบอุ่นจนอยากร้องไห้ออกมา

生きてる証を 強く強く感じている 君と

ikiteru akashi wo tsuyoku tsuyoku kanjite iru kimi to

หลักฐานของการมีชีวิตอยู่ ฉันรู้สึกได้อย่างแรงกล้า ไปด้วยกันกับเธอ




どこだって行けるよね せーのでこの壁を壊して

doko datte ikeru yo ne seeno de kono kabe wo kowashite

ไม่ว่าที่ไหนก็ไปได้สินะ งั้นนับหนึ่งสอง แล้วพังกำแพงนี้เลย

手を取り合えたら 夢もほら夢じゃなくなる

te wo toriaetara yume mo hora yume janaku naru

หากเราจับมือกันไว้ ดูสิ แม้แต่สิ่งที่ฝันก็จะไม่ใช่เพียงความฝันอีกต่อไป

透明なその欠片に 乱反射する光

toumei na sono kakera ni ranhansha suru hikari

แสงสว่างที่เศษเสี้ยวโปร่งใสนั้นที่สะท้อนออกไปหลายทิศทาง

キラキラ輝いてる それは未来

kirakira kagayaiteru sore wa mirai

กำลังเปล่งประกายระยิบระยับ สิ่งนั้นคืออนาคตยังไงล่ะ



Voice


日野下花帆 (CV : 楡井希実)

Hinoshita Kaho (CV : Nirei Nozomi)

乙宗 梢 (CV : 花宮初奈)

Otomune Kozue (CV : Hanamiya Nina)


เนื้อเพลงภาษาญี่ปุ่น : https://www.uta-net.com/song/336508/