วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Niji no Oto / Aoi Eir



/

陽だまりの中 心のキャンバスに
hidamari no naka kokoro no kyanbasu ni
ภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น  เธอได้วาดเศษเสี้ยวแห่งความหวัง
君が描く希望のかけら
kimi ga egaku kibou no kakera
บนผืนผ้าใบในใจของฉัน
手にしたパレットは時間を積み重ねて
te ni shita paretto wa jikan wo tsumi kasanete
จานสีในมือของเธอได้รวบรวมช่วงเวลาต่าง ๆ เอาไว้
繋がる色が咲いた思い出
tsunagaru iro ga saita omoide
เป็นดั่งสีสันที่เชื่อมถึงกัน ที่ผลิบานเป็นความทรงจำ


目と目が合えばこぼれる微笑み
me to mo ga aeba koboreru hohoemu
พอตาของเราเริ่มจ้องมองกัน รอยยิ้มก็พลันเอ่อล้นออกมา
緩やかに時は流れ幸せを彩ってゆく
yuruyaka ni toki wa nagare shiawase wo irodotte yuku
เวลาได้ค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ และความสุขก็ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสัน


君と手を繋いで歩む世界ならきっと
kimi to te wo tsunai de ayumu sekai nara kitto
ถ้าได้เดินจับมือเธอไปบนโลกใบนี้แล้วล่ะก็
どんな明日も明るくて
donna asu mo akarukute
ไม่ว่าจะพบกับวันพรุ่งนี้แบบไหน มันต้องเป็นวันที่สดใสแน่นอน
新しい季節を重ねてく この先も二人で
atarashii kisetsu wo kasaneteku konosaki mo futari de
จากนี้ไปเราจะข้ามผ่านฤดูกาลใหม่ ๆ ไปด้วยกัน
色とりどりに芽吹き鮮やかな景色は
irotoridori mebuki azayaka na keshiki wa
สีสันทั้งหลายได้แตกยอดออก เป็นทิวทัศน์
虹色に輝く
niji iro ni kagayuku
สีรุ้งที่เปล่งประกาย


聞きなれた声は心にそっと触れて
kikinarete koe wa kokoro ni sutto furete
เสียงที่คุ้นเคยที่ฉันได้ยิน ค่อย ๆ สัมผัสลงในใจของฉัน
響けばまるで優しい旋律
hibikeba marude yasashii senritsu
แล้วก้องกังวานราวกับท่วงทำนองอันแสนอ่อนโยน


小さな風が草木を揺らして
chiisa na kaze ga kusaki wo yurashite
สายลมเล็ก ๆ ที่ทำให้ต้นไม้เล็ก ๆ พลิ้วไหว
囁き合ったならば楽しげに音が跳ねる
sasayaki atta naraba tanoshige ni oto ga haneru
ถ้าหากมันเป็นเสียงกระซิบแล้วล่ะก็
มันคงเป็นเสียงที่กระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนาน


おだやかな未来へ同じペースでいつまでも
odayaka na mirai e onaji peesu de itsumademo
มุ่งหน้าไปยังอนาคตอันเงียบสงบ ด้วยก้าวเดิม ๆ
変わらずずっと歩いて行こう
kawarazu zutto aruite ikou
ที่ไม่เปลี่ยนไปด้วยกันเถอะ
その声に笑顔に照らされていつまでも寄り添って
sono koe ni egao ni terasarete itsumademo yorisotte
มีทั้งเสียงนี้และรอยยิ้มนี้คอยส่องสว่างอยู่เคียงข้างฉันตลอดมา
聞こえてきた音は色彩のメロディー
kikoetekita oto wa shikisai no merodii
เสียงที่ได้ยินนี้คือท่วงทำนองแห่งสีสัน
どこまでも響いて…
dokomade mo hibiite…
ไม่ว่าจะที่ไหนมันก็จะก้องกังวาน...


君と出会えて君と触れ合って
kimi to deaete kimi to fureatte
จะเป็นตอนที่พบกับเธอ หรือตอนที่ได้สัมผัสใกล้ชิดเธอ
同じタイミングで笑い合って
onaji taimingu de waraiatte
ก็เป็นเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่พวกเราได้หัวเราะไปด้วยกัน
似てきた仕草やうつった口癖も
nitekita shigusa ya utsutta kuchiguse mo
ทั้งท่าทางที่คล้ายคลึงกันที่แสดงออกมาและ
วิธีการพูดที่สะท้อนออกมาให้เห็นของเราสองคน
一緒に生きる誓いになるから
issho ni ikiru chikai ni naru kara
จะกลายเป็นคำมั่นสัญญาว่าเราจะได้อยู่กัน


君と手を繋いで歩む世界ならきっと
kimi to te wo tsunai de ayumu sekai nara kitto
ถ้าได้เดินจับมือเธอไปบนโลกใบนี้แล้วล่ะก็
どんな明日も明るくて
donna asu mo akarukute
ไม่ว่าจะพบกับวันพรุ่งนี้แบบไหน มันต้องเป็นวันที่สดใสแน่นอน
新しい季節を重ねてく この先も二人で
atarashii kisetsu wo kasaneteku konosaki mo futari de
จากนี้ไปก็มาข้ามผ่านฤดูกาลใหม่ ๆ ไปด้วยกันนะ
色とりどりに芽吹き鮮やかな景色は
irotoridori mebuki azayaka na keshiki wa
สีสันทั้งหลายได้แตกยอดออก เป็นทิวทัศน์
虹色に輝く
niji iro ni kagayuku
สีรุ้งที่เปล่งประกาย


君がくれたものは温かく優しい 変わらない
kimi ga kureta mono wa atatakaku yasashii kawaranai
สิ่งที่เธอมอบให้ฉันมา มันช่างอบอุ่นและอ่อนโยนไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ありがとう…
arigatou...
ขอบคุณมากนะ…

วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Ring a Bell / LiSA


リングアベル / LiSA





あの日 こっそり 僕に 教えてくれたね
ano hi kossori boku ni oshietekureta ne
ในวันนั้นที่เธอแอบบอกกับฉัน
「幸せの魔法だよ リングアベル リングアベル」
“shiawase no mahou da yo ringu a beru ringu a beru”
“นี่คือเวทมนตร์แห่งความสุขยังไงล่ะ Ring a Bell Ring a Bell”


ドレミ ドレミ 優しいピアノが
doremi doremi yasashii piano ga
โดเรมี โดเรมี ฉันได้ยิน...
ファソラ ファソラ 聞こえてくるんだ
fasora fasora kikoete kuru n da
ฟาซอลลา ฟาซอลลา ...เสียงอันอ่อนโยนจากเปียโน
いつも 嬉しいことがあった時は 大また10歩 キミの家まで
itsumo ureshii koto ga atta toki wa oomata juuppo kimi no ie made
ทุก ๆ ครั้ง เวลามีเรื่องน่าดีใจ ฉันจะก้าวยาว ๆ 10 ก้าวไปจนถึงบ้านของเธอ


ありがとう!ずっと 傍にいてくれたね
arigatou! zutto soba ni itekureta ne
ขอบคุณนะ! ที่คอยอยู่เคียงข้างฉันตลอดมา
すりむいた 僕の膝に かけてくれた おまじない
surimuita boku no hiza ni kakete kureta omajinai
เครื่องรางที่เธอหมอบให้กับเข่าของฉันที่ถลอกเป็นแผล
少しだけ 少しだけ つよくなれたけど
sukoshi dake sukoshi dake tsuyoku nareta kedo
แม้จะเพียงนิดเดียว แม้จะเพียงนิดเดียว แต่ฉันรู้สึกเข้มแข็งขึ้นมา
今は 寂しいんだよ リングアベル リングアベル
ima wa sabishii n da yo ringu a beru ringu a beru
ตอนนี้ฉันเหงาเหลือเกิน Ring a Bell Ring a Bell


川に並ぶ 岩に飛び乗ってさ ひらりと キミは 向こう岸へいくんだ
kawa ni narabu iwa ni tobinotte sa hirari to kimi wa mukougishi e ikun da
ณ ลำธารที่ทอดยาวไป ฉันกับเธอค่อย ๆ กระโดดข้ามก้อนหินไปยังอีกฝั่ง
僕のゆうき 最終兵器は キミがくれた ぶどうのグミ
boku no yuuki saishuu heiki wa kimi ga kureta budou no gumi
อาวุธสุดท้ายสำหรับความกล้าของฉัน(ที่จะกระโดดข้าม)คือหมากฝรั่งรสองุ่นที่เธอให้มา


いつも先を走る キミの背中に
itsumo saki wo hashiru kimi no senaka ni
เธอมักจะวิ่งนำหน้าฉันไปเสมอ
追いつきたくて パパと練習した自転車
oitsukitakute papa to renshuu shita jitensha
ฉันจะไล่ตามเธอไปด้วยจักรยานที่ฉันหัดขี่กับพ่อ
また一つ また一つ キズは増えたけど
mata hitotsu mata hitotsu kizu wa fueta kedo
ยังห่างกันอีกนิดเดียว ยังห่างกันอีกนิดเดียว ถึงจะได้แผลเพิ่มขึ้นมา
僕は 泣いたりしない リングアベル リングアベル
boku wa naitari shinai ringu a beru ringu a beru
ฉันก็จะไม่ร้องไห้เด็ดขาด Ring a Bell Ring a Bell


「幸せの魔法だよ リングアベル リングアベル」
“shiawase no mahou da yo ringu a beru ringu a beru”
“นี่คือเวทมนตร์แห่งความสุขยังไงล่ะ Ring a Bell Ring a Bell”


毎晩 窓の外を眺めながら 流れる星を待ってる
maiban mado no soto wo nagame nagara nagareru hoshi wo matteru
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง และเฝ้ารอดาวตกอยู่ทุกคืน
おねがい ずっとずっと前から 決まっているんだ
onegai zutto zutto mae kara kimatte iru n da
ได้โปรดเถอะ ฉันตัดสินใจมานานมากแล้ว
早く大人に なれますように
hayaku otona ni nare masu you ni
ฉันอยากจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ


あのね、僕のヒミツ 教えちゃおうかな
ano ne, boku no himitsu oshiechaou ka na
คือว่านะ ฉันจะบอกความลับของฉันให้ฟัง
本当の本当はね、ずっと一緒がいい
hontou no hontou wa ne, zutto ishho ga ii
จริง ๆ แล้ว ถ้าได้อยู่กับเธอตลอดไปก็คงดี


おめでとう 今日はすごくトクベツなんだよ
omedetou kyou wa sugoku tokubetsu nanda yo
ยินดีด้วยนะ สำหรับวันนี้ที่แสนพิเศษ
白いドレスが天使の羽に見えたんだ
shiroi doresu ga tenshi no hane ni mieta n da
ชุดเดรสสีขาวของเธอนั้นดูราวกับปีกของนางฟ้าเลยล่ะ
少しだけ 少しだけ 寂しいんだけど
sukoshi dake sukoshi dake sabishii n dakedo
ถึงจะเหงาไปบ้าง ถึงจะเหงาไปบ้าง แต่ว่านะ
次は キミに僕から リングアベル リングアベル
tsugi wa kimi ni boku kara ringu a beru ringu a beru
ครั้งหน้า ฉันจะพูดให้เธอฟังบ้าง Ring a Bell Ring a Bell
幸せの魔法 リングアベル リングアベル
shiawase no mahou da yo ringu a beru ringu a beru
เวทมนตร์แห่งความสุข Ring a Bell Ring a Bell



นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ  จากที่แปลมา (มีแถบ้างเล็กน้อย) ตรงท่อน


‘ จริง ๆ แล้ว ถ้าได้อยู่กับเธอตลอดไปก็คงดี
ยินดีด้วยนะ สำหรับวันนี้ที่แสนพิเศษ
ชุดเดรสสีขาวของเธอนั้นดูราวกับปีกของนางฟ้าเลยล่ะ
ถึงจะเหงาไปบ้าง ถึงจะเหงาไปบ้าง แต่ว่านะ ‘


ผมคิดว่า ตัวละครในเพลงได้รับกำลังใจและสิ่งต่าง ๆ มาจากเพื่อนของเขา แล้วเกิดแอบชอบเธอคนนั้นขึ้นมา แต่ในตอนจบ เธอได้แต่งงานกับคนอื่น (เดาจากคำว่าวันที่แสนพิเศษกับชุดเดรสสีขาว) แต่ตัวเขาแม้ว่าจะรู้สึกเหงาที่ไม่มีเธอก็ตาม ก็ยังคงแสดงความยินดีและมอบเวทมนตร์แห่งความสุขที่เธอเคยสอนในตอนเด็กให้เธอ


ถือว่าเป็นเพลงที่ให้อารมณ์เหงานิด ๆ (เหงาแบบแฮปปี้นะครับ 55)


หมดช่วงเวลามโนส่วนตัวแล้วครับ ต่อไปเป็นช่วงโปรโมทผลงานเก่า
วันที่ 18 เดือนนี้ก็เป็นวันที่หนังเรื่อง kimi to 100 kaime no koi หรือในชื่อไทย ย้อนรัก 100 ครั้ง ก็ยังเป็นเธอ ซึ่งผมจะไปดู แล้วก็พยายามกลับมาปรับแก้ความหมายให้มันเข้ากับเนื้อเรื่อง แล้วก็อาจจะเขียนทิ้งท้ายเพิ่มเติมด้วย ก็อยากจะให้ติดตามกันด้วย


แล้วก็่ช่วงเดือนพฤษภาฯ - สิ้นเดือนกรกฎาฯ ผม’อาจจะ’ไม่ได้ลงเพลงถี่เหมือนกับที่ผ่าน ๆ มา (ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้ลงอะไรมากมายขนาดนั้นอยู่แล้ว 555) ก็ถ้าลองเทียบกับปีที่แล้ว ช่วง 3 เดือนนี้อาจจะลงน้อยกว่ามาก เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในช่วงสอบไฟนอล แล้วหลังจากนั้นก็เป็นช่วงฝึกงาน เวลาว่างก็คงมีน้อยลง แต่ก็พยายามจะเอามาลงกับการแปลเพลงให้ได้มากที่สุด (ไม่คิดจะเลิกง่าย ๆ หรอกนะ 555)


ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันครับ ถ้าผิดพลาดหรือมีตรงไหนไม่ถูกใจต้องขอโทษด้วยครับ
พบกันใหม่ผลงานหน้า สวัสดีครับ :)

วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2560

Catch the Moment / LiSA



Catch the Moment / Lisa



そっと 吐き出す ため息を吸い込んだ 後悔は苦い味残して
sotto hakidasu tameiki wo suikonda koukai wa nigai aji nokoshite
ฉันค่อย ๆ สูดลมหายใจที่ฉันทอดถอนออกไป
ความเศร้ามักหลงเหลือไว้เพียงรสชาติอันขมขื่น
いつも なんで? 肝心なこと言えないまま 次の朝日が顔だしてる
itsumo nande? kanjin na koto ienai mama tsugi no asahi ga kao dashiteru
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ? ฉันเองก็ยังบอกถึงเรื่องสำคัญออกไปไม่ได้
จนดวงตะวันของเช้าวันใหม่มาเยือน


嫌になった運命を ナイフで切り刻んで
iya ni natta unmei wo naifu de kirikizande
ถ้าหากฉันใช้มีดสะบั้นโชคชะตาที่ฉันเกลียดให้ขาดลง
もう一度やり直したら キミに出会えないかも
mou ichido yarinaoshitara kimi ni deaenai kamo
แล้วเริ่มต้นทุกอย่างใหม่อีกครั้ง ฉันอาจจะไม่ได้เจอเธออีกก็ได้


僕の声が響いた瞬間に始まる 命のリミット 心臓がカウントしてる
boku no koe ga hibiita toki hajimaru inochi no rimitto shinzou ga kaunto shiteru
ในเวลาที่เสียงของฉันเริ่มดังก้อง หัวใจของฉันก็จะเริ่มนับขีดจำกัดของชีวิตนี้
叶えても叶えても 終わらない願い
kanaete mo kanaete mo owaranai negai
แม้ว่ามันจะเป็นจริงแล้ว ความปรารถนานี้ก็ยังไม่ถึงที่สิ้นสุด
汗をかいて走った 世界の秒針は いつか止まった僕を置いていく
ase wo kaite hashitta sekai no byoushin wa itsuka tomatta boku wo oiteiku
แต่สักวันเข็มวินาทีของโลกใบนี้ที่วิ่งไปข้างหน้าจนเหงื่อโชก
จะนำหน้าแล้วทิ้งตัวฉันที่หยุดนิ่งไว้ข้างหลัง
あと何回キミと笑えるの?
ato nankai kimi to waraeru no?
จะเหลืออีกสักกี่ครั้ง ที่ฉันจะได้ร่วมยิ้มไปกับเธอ?
試してるんだ 僕を Catch the Moment
tameshiterunda boku wo Catch the Moment
ฉันจะทดสอบขีดจำกัดของตัวเองดู Catch the Moment


一個幸せを数えるたびに 変わっていく未来に怯えてしまうけど
ikko shiawase wo kazoeru tabi ni kawatteiku mirai ni obiete shimau kedo
ทุกครั้งที่ฉันนับจำนวนความสุข อนาคตที่เปลี่ยนไปก็ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัว


愛情の種を大切に育てよう
aijou no tane wo taisetsu ni sodateyou
เมล็ดพันธุ์แห่งความรัก ที่ฉันเฝ้าเลี้ยงดูมันเป็นอย่างทะนุถนอม
分厚い雲も やがて突き破るかな
buatsui kumo mo yagate tsukiyaburu kana
มันจะเติบโตจนทะลุเหล่าก้อนเมฆบาง ๆ ขึ้นไปได้ไหมนะ


キミの声が響いた 僕の全身を通って 心臓のドアをノックしてる
kimi no koe ga hibiita boku no zenshin wo kayotte
shinzou no doa wo nokku shiteru
เสียงของเธอได้ดังก้องผ่านเข้ามาในทั่วทั้งร่างของฉัน และได้เคาะประตูหัวใจของฉัน
「臆病」 でも開けちゃうんだよ 信じたいから
‘okubyou’ demo akechaun da yo shinjitai kara
ถึงตัวฉันจะ ‘ขี้ขลาด’ แต่ฉันก็จะเปิด(ประตูหัวใจ)ให้ เพราะฉันอยากจะเชื่อ
何にもないと思ったはずの足元に いつか深く確かな根を生やす
nani mo nai to omotta hazu no ashimoto ni
itsuka fukaku tashikana ne wo hayasu
ณ ตรงเท้าคู่นี้ที่ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไร สักวันหนึ่งมันจะฝังรากลงลึกและมั่นคง
嵐の夜が来たとしても 揺らいだりはしない
arashi no yoru ga kita to shite mo yuraidari wa shinai
ต่อให้ต้องเจอกับพายุในยามค่ำคืน ฉันก็จะไม่รู้สึกหวั่นไหว


何度でも
nandodemo
ไม่ว่าจะกี่ครั้ง
追いついたり 追い越したり キミがふいに分かんなくなって
oitsuitari oikoshitari kimi ga fui ni wakannaku natte
ที่ฉันไล่ตามเธอทัน หรือแซงหน้าเธอขึ้นไป ฉันก็ยังไม่เข้าใจในตัวเธอ
息をしたタイミングが合うだけで 嬉しくなったりして
iki wo shita taimingu ga au dake de ureshiku nattari shite
แต่แค่เพียงจังหวะลมหายใจของเรานั้นตรงกัน ฉันก็รู้สึกดีใจแล้ว
集めた一秒を 永遠にして行けるかな
atsumeta ichi byou wo eien ni shite ikeru kana
ฉันจะเปลี่ยนหนึ่งวินาทีที่รวบรวมมาให้เป็นชั่วนิรันดร์ได้รึเปล่านะ


僕の声が響いた瞬間に始まる 命のリミット 心臓がカウントしてる
boku no koe ga hibiita toki hajimaru inochi no rimitto shinzou ga kaunto shiteru
ในเวลาที่เสียงของฉันเริ่มดังก้อง หัวใจของฉันก็จะเริ่มนับขีดจำกัดของชีวิตนี้
叶えても叶えても 終わらない願い
kanaete mo kanaete mo owaranai negai
แม้ว่ามันจะเป็นจริงแล้ว ความปรารถนานี้ก็ยังไม่ถึงที่สิ้นสุด
汗をかいて走った 世界の秒針は いつか止まった僕を置いていく
ase wo kaite hashitta sekai no byoushin wa itsuka tomatta boku wo oiteiku
แต่สักวันเข็มวินาทีของโลกใบนี้ที่วิ่งไปข้างหน้าจนเหงื่อโชก
จะนำหน้าแล้วทิ้งตัวฉันที่หยุดนิ่งไว้ข้างหลัง
あと何回キミと笑えるの?
ato nankai kimi to waraeru no?
จะเหลืออีกสักกี่ครั้ง ที่ฉันจะได้ร่วมยิ้มไปกับเธอ?
試してるんだ 僕を Catch the Moment
tameshiterunda boku wo Catch the Moment
ฉันจะทดสอบขีดจำกัดของตัวเองดู Catch the Moment


逃さないよ僕は
nogasanai yo boku wa
ฉันจะไม่ยอมปล่อยมันไปเด็ดขาด
この瞬間を掴め Catch the Moment
kono toki wo tsukame Catch the Moment
จะไขว่คว้าช่วงเวลานี้เอาไว้ Catch the Moment