วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2562

FUTURE LINE / Aida Rikako



FUTURE LINE / 逢田梨香子





目が合った瞬間から
me ga atta shunkan kara
ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เราสบตากัน
感じた愛しさだった
kanjita itoshisa datta
ฉันก็รู้สึกได้ถึงความรัก
出会うたび 何かが生まれてく
deau tabi nanika ga umareteku
ทุกครั้งที่พบกัน ได้มีบางอย่างเกิดขึ้นมา
胸はそれを待ってた 流れ出すプレリュード
mune wa sore wo matteta nagaredasu pureryuudo
หัวใจของฉันเฝ้ารอสิ่งนั้นอยู่ บทเพลงโหมโรงที่หลั่งไหลออกมา




迷いがない訳じゃない
mayoi ga nai wake janai
ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้สึกสับสนหรอกนะ
ふるえる指先 握って深呼吸して言葉にしてみる
furueru yubisaki nigitte shinkokyu shite kotoba ni shite miru
ฉันกุมปลายนิ้วที่สั่นไหวไว้ สูดลมหายใจเข้า แล้วลองเปลี่ยนมันเป็นคำพูด
好きです、と。
suki desu, to.
ว่า, ฉันชอบเธอนะ.




新しい世界のなか 私が向かうのは
atarashii sekai no naka watashi ga mukau no wa
ภายในโลกใบใหม่ สถานที่ที่ฉันควรมุ่งไป
どこなの どこなの ときめきが知ってるの?
doko na no doko na no tokimeki ga shitteru no?
คือที่ไหนกันนะ คือที่ไหนกัน หัวใจที่เต้นตึกตักจะรู้รึเปล่า?
一緒に探したいと伝えよう
issho ni sagashitai tsutaeyou
ให้ฉันได้พูดออกไปเถอะนะ ว่าอยากค้นหาไปด้วยกันกับเธอ
そこから物語が始まる もう一歩踏み出せる
soko kara monogatari ga hajimaru mou ippo fumidaseru
นับจากตรงนั้น เรื่องราวของเรากำลังเริ่มต้นขึ้น 
ฉันก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีกก้าวหนึ่ง




見知らぬ明日への
mishiranu ashita e no
เมื่อความลังเลและความคาดหวังซึ่งมุ่งไปสู่
ためらいと期待があって
tamerai to kitai ga atte
วันพรุ่งนี้ที่ไม่รู้จักเกิดขึ้นมา
選ぶのは きっと前に進むこと
erabu no wa kitto mae ni susumo koto
สิ่งที่ฉันเลือก ก็ต้องเป็นการก้าวไปข้างหน้าอย่างแน่นอน
いつもこの勇気から 現れる次のドア
itsumo kono yuuki kara arawareru tsugi no doa
เพราะฉันมีความกล้านี้อยู่เสมอ ประตูบานถัดไปจึงปรากฏออกมา




大事と感じてるよ 心と心で
daiji to kanjiteru yo kokoro to kokoro de
ฉันรู้สึกว่ามันสำคัญมากเลย สายสัมพันธ์อันแสนอบอุ่น
強くて暖かい絆を育てて
tsuyokute atatakai kizuna wo sodatete
และเหนียวแน่นที่เชื่อมโยงหัวใจของเราไว้
行きたい、ね。
yukitai, ne.
ฉันอยากทำให้มันเติบโตขึ้น, นะ.




素晴らしい世界になる 予感の風に乗り
subarashii sekai ni naru yokan no kaze ni nori
เมื่อโลกใบนี้กลายเป็นโลกอันแสนวิเศษ ฉันจะขึ้นขี่สายลมแห่งลางสังหรณ์ไป
ひらいてく ひらいてく 自由な想像の羽
hiraiteku hiraiteku jiyuu na souzou no hane
สยายมันออกสิ กางมันออกสิ ปีกแห่งจินตนาการอันแสนอิสระ 
一緒に飛びたいと伝えよう
issho ni tobitai to tsutaeyou
ให้ฉันได้พูดออกไปเถอะนะ ว่าอยากโบยบินไปด้วยกันกับเธอ
ここから叶えたい夢を 数えながら踏み出そう
koko kara kanaetai yume wo kazoe nagara fumidasou
นับจากตรงนี้ ขณะที่นับความฝันที่อยากให้เป็นจริง พวกเราก็ก้าวไปกันเถอะ




白い雲を抜けて その先にはどんな景色?
shiroi kumo wo nukete sono saki ni wa donna keshiki?
บินฝ่าทะลุปุยเมฆสีขาวไป ทิวทัศน์ข้างหน้านี้จะเป็นแบบไหนกันนะ?
今までと違うことだけ分かっているの
ima made to chigau koto dake wakatteiru no
ฉันรู้แค่เพียงว่ามันไม่เหมือนกับทิวทัศน์ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้
未来へと繋がれ
mirai e to tsunagare
จงเชื่อมโยงไปสู่อนาคต




新しい世界のなか 私が向かうのは
atarashii sekai no naka watashi ga mukau no wa
ภายในโลกใบใหม่ สถานที่ที่ฉันควรมุ่งไป
どこなの どこなの ときめきが知ってるの?
doko na no doko na no tokimeki ga shitteru no?
คือที่ไหนกันนะ คือที่ไหนกัน หัวใจที่เต้นตึกตักจะรู้รึเปล่า?
一緒に探したいと伝えようか
issho ni sagashitai tsutaeyou ka
ให้ฉันได้พูดออกไปเถอะนะ ว่าอยากค้นหาไปด้วยกันกับเธอ
物語が始まる もう一歩踏み出せる
monogatari ga hajimaru mou ippo fumidaseru
เรื่องราวของเรากำลังเริ่มต้นขึ้น ฉันก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีกก้าวหนึ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Kotoba no Mahou / Saito Shuka



ことばの魔法 / 斉藤朱夏



「おはよう」「ありがとう」「ごめんね」
“ohayou” “arigatou” “gomen ne”
“อรุณสวัสดิ์” “ขอบคุณนะ” “ขอโทษนะ”
口にすれば たった一秒の
kuchi ni sureba tatta ichibyou no
หากพูดออกไป ก็ใช้เวลาเพียงแค่วินาทีเดียว
ただの言葉に込めた想いは
tada no kotoba ni kometa omoi wa
มีเพียงคำพูดที่ใส่ความรู้สึกลงไป
一生分かけても伝えきれないかも
isshobun kakete mo tsutae kirenai kamo
ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิต ก็อาจจะพูดออกไปได้ไม่หมด


心と心がもしも見えるなら
kokoro to kokoro ga moshimo mieru nara
หากหัวใจมองเห็นกันและกันได้
文字や歌など産まれていないでしょう
moji ya uta nado umarete inai deshou
คงไม่มีตัวอักษรหรือบทเพลงเกิดขึ้นมาหรอก
分かり合えないから 伝わらないから
wakariaenai kara tsutawaranai kara
เพราะว่าเราต่างไม่เข้าใจกัน เพราะว่าสื่อไปไม่ถึง
君の隣にいたいと思える 触れたいと願える
kimi no tonari ni itai to omoeru furetai to negaeru
ฉันคิดอยากจะอยู่เคียงข้างเธอ ฉันปรารถนาว่าอยากสัมผัสเธอ


僕たちは何度でも 僕たちは何度でも
bokutachi wa nandodemo bokutachi wa nandodemo
ไม่ว่ากี่ครั้ง พวกเราก็… ไม่ว่ากี่หน พวกเราก็…
呪文を唱えるみたいに言葉を交わす
jumon wo tonaeru mitai ni kotoba wo kawasu
พูดคุยกันราวกับร่ายเวทมนตร์ออกมา
あふれ出す喜びも 押し寄せる悲しみも
afuredasu yorokobi mo oshiyoseru kanashimi mo
จะความสุขใจที่เอ่อล้นออกมา หรือความเศร้าที่ถาโถมเข้ามา
ひとりきりじゃ抱えきれないぐらい増えてく
hitorikiri ja kakae kirenai gurai fueteku
มันเพิ่มขึ้นมาจนไม่สามารถแบกรับได้ด้วยตัวคนเดียว
そういうものを分かち合う魔法
sou iu mono wo wakachiau mahou
แต่เราก็มีเวทมนตร์ไว้แบ่งปันสิ่งเหล่านั้นให้กันและกัน


一瞬 まばたきしたあとで
isshun mabataki shita ato de
หลังจากกระพริบตาเพียงเสี้ยววิฯ
突然 世界が消えてしまうかも
totsuzen sekai ga kieteshimau kamo
โลกอาจจะหายไปในทันทีเลยก็ได้
なんて言えば君は笑うかな
nante ieba kimi wa warau kana
หากพูดออกไปแบบนั้น เธอจะหัวเราะมั้ยนะ
でも本気なんだよ だから伝えたいんだよ
demo honki nanda yo dakara tsutaetain da yo
แต่ว่าฉันจริงจังนะ เพราะฉะนั้นจึงอยากพูดออกไป


もしも命に終わりなどなければ
moshimo inochi ni owari nado nakereba
ถ้าหากชีวิตไม่มีวันจบสิ้น
別れに怯えることもないけれど
wakare ni obieru koto mo nai keredo
ฉันก็ไม่กลัวที่จะต้องแยกจากกัน แต่ว่า
別れに怯える心を失くしたら
wakare ni obieru kokoro wo nakushitara
หากฉันสูญเสียหัวใจที่หวาดกลัวการแยกจาก
出会いに弾む気持ちさえ忘れてしまう
deai ni hazumu kimochi sae wasureteshimau
ฉันก็คงลืมไปหมด แม้กระทั่งความรู้สึกร่าเริงเมื่อได้พบกัน


僕たちは何度でも 僕たちは何度でも
bokutachi wa nandodemo bokutachi wa nandodemo
ไม่ว่ากี่ครั้ง พวกเราก็… ไม่ว่ากี่หน พวกเราก็…
閉じた扉を開くように言葉を交わす
tojita tobira wo hiraku you ni kotoba wo kawasu
พูดคุยกันราวกับเปิดประตูที่ถูกปิดไว้
空の果てより広く 海の底より深い
sora no hate yori hiroku umi no soko yori fukai
กว้างไกลกว่าสุดขอบฟ้า และลึกยิ่งว่าพื้นสมุทร
ドアの向こう側 見たこともない景色
doa no mukougawa mita koto mo nai keshiki
ทิวทัศน์ที่ไม่เคยเห็นที่อยู่อีกฟากของประตู
そういうものに出会う鍵なんだよ
sou iu mono ni deau kagi nanda yo
เรามีกุญแจไว้ (เปิดประตู) เพื่อพบสิ่งเหล่านั้น


ときには叫んで ときに囁いて
toki ni wa sakende toki ni wa sasayaite
บางครั้งก็ตะโกนออกมา บางครั้งก็กระซิบออกมา
ときにはメロディーに乗せて
toki ni wa merodii ni nosete
บางครั้งก็ร้อยเรียงเป็นท่วงทำนอง 
手探りの暗闇 灯す小さな明かり
tesaguri no kurayami tomosu chiisana akari
ในความมืดมิดที่ใช้มือคลำหาเส้นทาง แสงไฟเล็ก ๆ ที่ถูกจุดขึ้นมา
共に生きる証 見つけ出すために
tomo ni ikiru akashi mitsukedasu tame ni
เพื่อหาหลักฐานของการมีชีวิตอยู่ด้วยกันกับเธอให้พบ


僕たちは何度でも 僕たちは何度でも
bokutachi wa nandodemo bokutachi wa nandodemo
ไม่ว่ากี่ครั้ง พวกเราก็… ไม่ว่ากี่หน พวกเราก็…
呪文を唱えるみたいに言葉を交わす
jumon wo tonaeru mitai ni kotoba wo kawasu
พูดคุยกันราวกับร่ายเวทมนตร์ออกมา
あふれ出す喜びも 押し寄せる悲しみも
afuredasu yorokobi mo oshiyoseru kanashimi mo
จะความสุขใจที่เอ่อล้นออกมา หรือความเศร้าที่ถาโถมเข้ามา
ひとりきりじゃ抱えきれないぐらい増えてく
hitorikiri ja kakae kirenai gurai fueteku
มันเพิ่มขึ้นมาจนไม่สามารถแบกรับได้ด้วยตัวคนเดียว
そういうものを分かち合う魔法
sou iu mono wo wakachiau mahou
แต่เราก็มีเวทมนตร์ไว้แบ่งปันสิ่งเหล่านั้นให้กันและกัน
特別なチカラは要らないよ
tokubetsu na chikara wa iranai yo
ฉันไม่ต้องการพลังพิเศษใด ๆ 
誰もが持ってる ことばの魔法
dare mo ga motteru kotoba no mahou
แต่เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็มีอยู่ เวทมนตร์แห่งคำพูด

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562

Kutsuhimo / Saito Shuka



くつひも / 斉藤朱夏





ほどけかけてた靴紐を口実にして
hodoke kaketeta kutsuhimo wo koujitsu ni shite
ฉันหาข้ออ้างให้กับเชือกรองเท้าที่เกือบจะหลุด
君の足を止める 延長戦
kimi no ashi wo tomeru enchousen
เธอหยุดเท้าของเธอลง ต้องยืดเวลาออกไปอีก
次は何話そう 頭の中 作戦会議
tsugi wa nani hanasou atama no naka sakusen kaigi
ต่อไปจะคุยอะไรดีล่ะ ขณะที่ข้างในหัวของฉันเริ่มประชุมวางแผนการ
なるべくゆっくり結び直すの
narubeku yukkuri musubi naosu no
ฉันก็ค่อย ๆ ผูกเชือกรองเท้าเท่าที่จะทำได้




過ぎていく時間とは裏腹に
sugiteiku jikan to wa urahara ni
ช่างสวนทางกับเวลาทีผ่านไป
絡まってく言葉は上手く結べないや
karamatteku kotoba wa umaku musubenai ya
สุดท้ายก็ไม่สามารถสรุปคำพูดที่ยุ่งเหยิงซับซ้อนนี้ได้




もっと近づきたいよ
motto chikaizukitai yo
ฉันอยากขยับเข้าไปใกล้เธออีก
そんなこと まだ言えやしないな ああ
sonna koto mada ieyashinai na aa
เรื่องแบบนั้นน่ะ ยังพูดออกไปไม่ได้หรอกนะ อา
もしも口にしてみれば 似合わないよって笑われそうだ
moshimo kuchi ni shite mireba niawanai yo tte waraware sou da
ถ้าหากฉันลองพูดออกไป เธอคงหัวเราะแล้วพูดว่า ‘ไม่เข้ากับเธอเลยนะ’
きつく締めたこの靴紐の蝶々結びのように
kitsukushimeta kono kutsuhimo no chouchou musubi no you ni
ถ้าได้จับมือกัน เหมือนดังเชือกรองเท้านี้
手と手 繋げたらいいのに
te to te tsunagetara ii no ni
ที่ผูกไว้แน่นเป็นรูปโบว์ ก็คงจะดีนะ




一番伝えたい気持ちとか言葉だけが
ichiban tsutaetai kimochi toka kotoba dake ga
เพียงความรู้สึกหรือคำพูดที่อยากถ่ายทอดออกไปมากที่สุด
一番言えないのはどうしてなの
ichiban ienai mo wa doushite na no
ทำไมฉันจึงพูดมันออกไปไม่ได้มากที่สุดกันนะ




王子様とはちょっと違うけど
oujisama to wa chotto chigau kedo
แต่ว่าเธอน่ะดูแตกต่างจากเจ้าชายไปหน่อย
誰にも気づかれない 不思議な魔法使いさ
dare ni mo kizukarenai fushigi na mahoutsukai sa
เป็นพ่อมดสุดแปลกที่ไม่มีใครรู้สึกถึง




もっと近づきたいよ
motto chikaizukitai yo
ฉันอยากขยับเข้าไปใกล้เธออีก
ねえ 君の隣 歩くだけで ああ
nee kimi no tonari aruki dake de aa
นี่ แค่ได้เดินอยู่ข้าง ๆ เธอ อา
すり減ったこのスニーカーもガラスの靴に思えてくるんだ
surihetta kono suneekaa mo garasu no kutsu ni omoetekurunda
แม้จะสวมสนีกเกอร์ที่เสื่อมสภาพ ฉันก็คิดว่ามันเป็นรองเท้าแก้ว
きつく締めたこの靴紐のような意地っ張りが ふっと
kitsukushimeta kono kutsuhimo no you na ijippari futto
ความดื้อรั้นที่เหมือนดังเชือกรองเท้าที่ผูกไว้แน่น 
ほどけたらいいな
hodoketara ii na
ถ้าจู่ ๆ มันคลายออก ก็คงจะดีนะ




愛してるってフレーズじゃ
aishiteru tte fureezu ja
อย่างถ้อยคำว่า ‘รักเธอ’
大げさに思われてしまうかな
oogesa ni omowarete shimau kana
มันจะดูเล่นใหญ่ไปมั้ยนะ
ああ もう 苦しくて 嬉しくて
aa mou kurushikute ureshikute
อา ทั้งรู้สึกเจ็บปวดและดีใจไปหมดแล้ว
この想いを他にどう言えばいい?
kono omoi wo hoka ni dou ieba ii?
ความรู้สึกนี้จะพูดออกไปด้วยวิธีอื่นยังไงดีล่ะ?




もっと近づきたいよ
motto chikaizukitai yo
ฉันอยากขยับเข้าไปใกล้เธออีก
こんなこと 君以外にありえない
konna koto kimi igai ni arienai
เรื่องแบบนั้นน่ะ นอกจากเธอแล้วมันเป็นไปไม่ได้หรอก
もしも口にできたなら 笑わないでちゃんと聞いて欲しいんだ
moshimo kuchi ni dekita nara warawanaide chanto kiite hoshiin da
ถ้าหากฉันได้พูดออกไป เธออย่าหัวเราะนะ ฉันอยากให้เธอตั้งใจฟังฉันที
きつく締めたこの靴紐の蝶々結びのように
kitsukushimeta kono kutsuhimo no chouchou musubi no you ni
ฉันอยากจับมือกับเธอ เหมือนดังเชือกรองเท้านี้
手と手 繋いでほしいんだ
te to te tsunaide hoshiin da
ที่ผูกไว้แน่นเป็นรูปโบว์ 
ぎゅっと 繋いでほしいんだ
gyutto tsunaide hoshiin da
ฉันอยากจับมือเธอไว้แน่น ๆ เลย