วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

Hajimari no Sign / Saito Shuka



はじまりのサイン / 斉藤朱夏




かたっぽだけの羽根じゃ

katappo dake no hane ja

ด้วยปีกเพียงข้างเดียว

上手く飛べやしないみたいに

umaku tobeyashinai mitai ni

ดูเหมือนว่าจะบินไปได้ไม่ดีเลย

ここに君がいて 僕がいて

koko ni kimi ga ite boku ga ite

ที่ตรงนี้ มีเธออยู่ จึงมีฉันอยู่

はじめて意味がある

hajimete imi ga aru

และเริ่มมีความหมายบางอย่าง




ありったけ振り絞って

arittake furishibotte

ฉันทุ่มเททุกอย่างที่มีออกไป

ときには悔しさを知って

toki ni wa kuyashisa wo shitte

บางครั้งก็ได้รู้จักกับความเสียใจ

それでも聞こえた 届いた

sore demo kikoeta todoita

แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ได้ยิน มันส่งมาถึงแล้วล่ะ 

それは君の声

sore wa kimi no koe

เสียงของเธอน่ะ




君が笑って 思わずつられて

kimi ga waratte omowazu tsurarete

พอเธอยิ้มออกมา ฉันก็ถูกดึงดูดโดยไม่รู้ตัว

君に向かって 僕も笑って

kimi ni mukatte boku mo waratte

พอหันไปหาเธอ ฉันเองก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน

何度も繰り返して 重なり合って

nandomo kurikaeshite kasanariatte

เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนซ้อนทับ

響き合う きっとそれが僕たちの合図

hibikiau kitto sore ga bokutachi no aizu

และก้องกังวานหากัน สิ่งนั้นต้องเป็นสัญญาณของพวกเราอย่างแน่นอน




はじまりのサイン なんてことない

hajimari no sain nante koto nai

เครื่องหมายแห่งการเริ่มต้น สิ่งที่ดูไม่มีอะไร

今日が輝いていくのさ

kyou ga kagayaite iku no sa

แต่ว่าวันนี้มันกำลังเปล่งประกายอยู่นะ

いま スタートライン 飛び越え ふわり

ima sutaatorain tobikoe fuwari

ตอนนี้ ตรงเส้นสตาร์ท กระโดดลอยข้ามไปเลย

どこへでもきっと行ける

doko e demo kitto yukeru

ไม่ว่าจะไปที่ไหน ต้องไปได้อย่างแน่นอน

はじまりのサイン 数え切れない

hajimari no sain kazoekirenai

สัญญาณแห่งการเริ่มต้น แม้เหมือนจะท้อแท้

ほど挫けそうになるけど

hodo kujikesou ni naru kedo

อยู่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่า

目を閉じればいつだって浮かぶ

me wo tojireba itsudatte ukabu

พอหลับตาลง ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ปรากฏขึ้นในใจ

決して消えない 僕と君のサイン

kesshite kienai boku to kimi no sain

และไม่มีวันเลือนหายไป เครื่องหมายของฉันและเธอ




思いっきり手を伸ばして

omoikkiri te wo nobashite

เอื้อมมือออกไปอย่างเต็มที่

星をつかもうとするような

hoshi wo tsukamou to suru you na

ราวกับพยายามจะคว้าดวงดาวไว้

子どもじみた夢も 君となら

kodomojimita yume mo kimi to nara

แม้เป็นความฝันที่ดูเป็นเด็ก หากได้อยู่กับเธอ

信じたくなるのさ

shinjitaku naru no sa

ฉันก็รู้สึกอยากเชื่อมั่น




よじ登った壁の向こうが

yojinobotta kabe ni mukou ga

แม้อีกฟากของกำแพงที่ปีนขึ้นไป

また新しい壁だとしたって

mata atarashii kabe da toshitatte

จะยังมีกำแพงใหม่ตั้งอยู่

何度も繰り返して 高く澄み渡る場所をほら

nandomo kurikaeshite takaku sumiwataru basho wo hora

วนซ้ำไปไม่รู้กี่ครั้ง มองไปยังที่สูง ๆ และเห็นได้ชัดสิ

いつか君と見れますように

itsuka kimi to miremasu you ni

สักวันหนึ่งฉันขอให้เธอมองเห็นฉัน




はじまりのサイン かけがえのない

hajimari no sain kakegae no nai

เครื่องหมายแห่งการเริ่มต้น ไม่มีอะไรทดแทนได้

君と生きたい この一瞬を

kimi to ikitai kono isshun wo

ชั่วขณะนี้ที่อยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอ

いったりきたり まっすぐじゃない

ittarikitari massugu janai

เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป ไม่ได้ตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว

この道もずっと行ける

kono michi mo zutto yukeru

แม้แต่เส้นทางนี้ ฉันก็สามารถมุ่งต่อไปได้ตลอดเวลา

はじまりのサイン ときには深い

hajimari no sain toki ni wa fukai

สัญญาณแห่งการเริ่มต้น แม้บางเวลา

暗闇が待っているけど

kurayami ga matteiru kedo

ความมืดมิดจะรอคอยอยู่ แต่ว่า

忘れないでいつだってそばで

wasurenaide itsudatte soba de

อย่าได้ลืมไปล่ะ ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็อยู่เคียงข้าง

きらりと光る 僕と君のサイン

kirari to hikaru boku to kimi no sain

และส่องแสงระยิบระยับ เครื่องหมายของฉันและเธอ




目を閉じればいつだって

me wo tojireba itsudatte

พอหลับตาลง ไม่ว่าเมื่อไหร่

忘れないでいつだって

wasurenaide itsudatte

ก็อย่าได้ลืมไปล่ะ ไม่ว่าเมื่อไหร่

君のそばでいつだって

kimi no soba de itsudatte

ฉันอยู่เคียงข้างเธอ ไม่ว่าเมื่อไหร่




はじまりのサイン なんてことない

hajimari no sain nante koto nai

เครื่องหมายแห่งการเริ่มต้น สิ่งที่ดูไม่มีอะไร

今日が輝いていくのさ

kyou ga kagayaite iku no sa

แต่ว่าวันนี้มันกำลังเปล่งประกายอยู่นะ

いま スタートライン 飛び越え ふわり

ima sutaatorain tobikoe fuwari

ตอนนี้ ตรงเส้นสตาร์ท กระโดดลอยข้ามไปเลย

どこへでもきっと行ける

doko e demo kitto yukeru

ไม่ว่าจะไปที่ไหน ต้องไปได้อย่างแน่นอน

はじまりのサイン 数え切れない

hajimari no sain kazoekirenai

สัญญาณแห่งการเริ่มต้น แม้เหมือนจะท้อแท้

ほど挫けそうになるけど

hodo kujikesou ni naru kedo

อยู่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่า

目を閉じればいつだって浮かぶ

me wo tojireba itsudatte ukabu

พอหลับตาลง ไม่ว่าเมื่อไหร่ มันก็ปรากฏขึ้นในใจ

決して消えない 僕と君のサイン

kesshite kienai boku to kimi no sain

และไม่มีวันเลือนหายไป เครื่องหมายของฉันและเธอ

忘れないでいつだってそばで

wasurenaide itsudatte soba de

อย่าได้ลืมไปล่ะ ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็อยู่เคียงข้าง

僕らをつなぐ はじまりのサイン

bokura wo tsunagu hajimari no sain

และเชื่อมโยงพวกเราไว้ด้วยกัน เครื่องหมายแห่งการเริ่มต้น


วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

With falling snow / fripSide



With falling snow / fripSide




舞い落ちる雪の中思った 二人で過ごしたあの季節

maiochiru yuki no naka omotta futari de sugoshita ano kisetsu

ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา ฉันนึกถึงฤดูกาลนั้นที่เราสองคนได้ใช้เวลาไปด้วยกัน




追いかける事しないと決めてた 心に残る苦さを抱いて

oikakeru koto shinai to kimeteta kokoro ni nokoru nigasa wo idaite

ฉันตัดสินใจไม่ไล่ตามไป และโอบกอดความขมขื่นที่หลงเหลืออยู่ในใจไว้

鏡に映る愚かな瞳は 閉じた扉見つめてた

kagami ni utsuru oroka na hitomi wa tojita tobira mitsumeteta

แววตาโง่เขลาที่สะท้อนอยู่ในกระจกกำลังจ้องมองไปยังประตูที่ปิดไว้เรื่อยมา




幼さはもう言い訳に出来ず 過ごしていく時だけが全てで

osanasa wa mou iiwake ni dekizu sugoshiteiku toki dake ga subete de

ฉันไม่สามารถหาข้ออ้างใด ๆ ให้กับความไร้เดียงสาได้อีกแล้ว

มีเพียงช่วงเวลาที่กำลังใช้ไปที่เป็นทุกสิ่ง

僕ら二人分かち合う時間を うまく分け合えなかった

bokura futari wakachiau jikan wo umaku wakeaenakatta

แต่เราสองคนก็ไม่สามารถแบ่งปันเวลาให้กันได้ดีเลย




いくつもの思い出の雨 胸の中降り続く

ikutsumono omoide no ame mune no naka furitsuzuku

สายฝนแห่งความทรงจำมากมาย ยังคงตกต่อไปข้างในใจ

後悔の言葉じゃなくて もっと君に言いたい言葉があったはず

koukai no kotoba janakute motto kimi ni iitai kotoba ga atta hazu

ฉันมีถ้อยคำที่ไม่ใช่คำพูดแห่งความเสียใจ ที่อยากบอกกับเธอมากกว่านี้ 




舞い落ちる雪の中思った 二人で過ごしたあの季節を

maiochiru yuki no naka omotta futari de sugoshita ano kisetsu wo

ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา ฉันนึกถึงฤดูกาลนั้นที่เราสองคนได้ใช้เวลาไปด้วยกัน

笑い合う事にだけ夢中で 大事な事見えてなかった

waraiau koto ni dake muchuu de daiji na koto mienakatta

ฉันหมกมุ่นกับการยิ้มให้กัน จนมองไม่เห็นสิ่งสำคัญ

「いつでも」なんて魔法はなくて 一瞬ごとに未来は消えてく

‘itsudemo’ nante mahou wa nakute isshungoto ni mirai wa kieteku

เวทมนตร์อย่างคำว่า ‘ตลอดเวลา’ ไม่มีอยู่หรอก อนาคตหายวับไปทุก ๆ พริบตา 

もしもあの時わかっていたら… 今はもう届かない想い

moshimo ano toki wakatteitara… ima wa mou todokanai omoi

หากในตอนนั้นฉันเข้าใจได้ล่ะก็… แต่ตอนนี้ความรู้สึกก็ส่งไปไม่ถึงอีกแล้ว




明日なんて無限だと思ってた 当たり前に続いていくのだと

asu nante mugen da to omotteta atarimae ni tsuzuiteiku no da to

ฉันเคยคิดว่าคำว่าวันพรุ่งนี้จะมีอยู่ต่อไปไม่สิ้นสุด และใช้ชีวิตเรื่อยไปเหมือนเป็นเรื่องปกติ

浅はかだった自分の思いは 何度君を傷つけたろう

asahaka datta jibun no omoi wa nando kimi wo kizutsuketarou

ความคิดตื้น ๆ ของตัวเองทำให้เธอต้องเจ็บปวดมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว




僕を濡らす大粒の霙は あの時見せた涙思い出す

boku wo nurasu ootsubu no mizore wa ano toki miseta namida omoidasu

หยาดฝนเม็ดใหญ่ปนหิมะที่ทำให้ฉันเปียกปอน ทำให้ฉันนึกน้ำตาที่ได้เผยออกไปในตอนนั้น

どうしてそれでも向き合いもせず 明日信じていられたんだろう

doushite sore demo mukiai mo sezu ashita shinjite iraretan darou

ทำไมฉันถึงเชื่อในวันพรุ่งนี้โดยไม่เผชิญหน้ากับเธอกันนะ




君がくれた優しさたち 胸の中残ってる

kimi ga kureta yasashisatachi mune no naka nokotteru

ความใจดีมากมายที่เธอมอบให้ยังหลงเหลืออยู่ในใจฉัน 

償いの言葉より先に もっと君に伝える言葉があったのに

tsugunai no kotoba yori saki ni motto kimi ni tsutaeru kotoba ga atta no ni

ทั้งที่ฉันมีคำพูดมากมายจะบอกกับเธอ ก่อนหน้าคำพูดชดเชยความรู้สึกผิดแท้ ๆ




舞い落ちる雪の中思った 二度と戻らないあの季節を

maiochiru yuki no naka omotta nidoto modoranai ano kisetsu wo

ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา ฉันนึกถึงฤดูกาลนั้นที่ไม่หวนกลับมาอีกแล้ว

どれほど今を悔やんでみても 傷つけた心 帰らない

dore hodo ima wo kuyande mite mo kiztsuketa kokoro kaeranai

ไม่ว่าฉันจะลองเสียใจกับตอนนี้ไปอีกเท่าไร หัวใจที่เจ็บช้ำไปแล้ว ก็ไม่คืนกลับมา




舞い落ちる雪の中思った 二人で過ごしたあの季節を

maiochiru yuki no naka omotta futari de sugoshita ano kisetsu wo

ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา ฉันนึกถึงฤดูกาลนั้นที่เราสองคนได้ใช้เวลาไปด้วยกัน

笑い合う事にだけ夢中で 大事な事見えてなかった

waraiau koto ni dake muchuu de daiji na koto mienakatta

ฉันหมกมุ่นกับการยิ้มให้กัน จนมองไม่เห็นสิ่งสำคัญ

「いつでも」なんて魔法はなくて 一瞬ごとに未来は消えてく

‘itsudemo’ nante mahou wa nakute isshungoto ni mirai wa kieteku

เวทมนตร์อย่างคำว่า ‘ตลอดเวลา’ ไม่มีอยู่หรอก อนาคตหายวับไปทุก ๆ พริบตา 

もしもあの時わかっていたら… 今はもう届かない想い

moshimo ano toki wakatteitara… ima wa mou todokanai omoi

หากในตอนนั้นฉันเข้าใจได้ล่ะก็… แต่ตอนนี้ความรู้สึกก็ส่งไปไม่ถึงอีกแล้ว




「いつかは」なんて望んでなくて 一瞬ごとに過去へと過ぎてく

‘itsuka wa’ nante nozonde nakute isshungoto ni kako e to sugiteku

‘สักวันหนึ่ง’ อะไรนั่นฉันไม่ต้องการ เวลากำลังผ่านไปกลายเป็นอดีตทุก ๆ พริบตา

もしもあの時気付いていたら… 君の笑顔守れたかな

moshimo ano toki kizuiteitara… kimi no egao mamoreta kana

หากในตอนนั้นฉันคิดได้ล่ะก็… ฉันจะปกป้องรอยยิ้มของเธอไว้ได้มั้ยนะ


วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2565

stars we chase / Mia Taylor (CV : Uchida Shu)



stars we chase / ミア・テイラー (CV : 内田 秀)


作詞 : Konnie Aoki 作曲・編曲 : TeddyLoid

(Lyrics : Konnie Aoki Compose・Arrange : TeddyLoid)



I used to look above at stars, and chase

ฉันชินกับการแหงนมองดวงดาว, และไล่ตามไป

Never had to doubt what I could take

เชื่อโดยไม่เคยสงสัยเลยว่าฉันสามารถคว้ามันไว้ได้

Now I've found it's further than it seemed

แต่ตอนนี้ฉันพบแล้วว่ามันดูห่างไกลกว่าที่เห็นอยู่

The light gets smaller, my eyes to a closure

แสงสว่างเริ่มเล็กลง, ฉันจึงหลับตาลง




When did it happen? Turned away my face

มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ที่ฉันเบือนหน้าหนี

When did it happen? Pain increasing

มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ที่ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้น

Shadow walk and dealing, truth inside revealing

ฉันเดินไปท่ามกลางความมืดมิดและเริ่มชินชา, มันเผยให้ฉันเห็นความจริงข้างใน

Still, a part of me's seeking that feeling

ว่าส่วนหนึ่งของฉัน, ยังออกตามหาความรู้สึกนั้น




Dreams in the sound I made for you

เสียงเพลงที่เต็มไปด้วยความฝัน ที่ฉันทำเพื่อเธอ

Go 'round, come returning through me

มันวนเวียนไป, และกลับมาสู่ตัวฉัน

Where this light shines so bright, you showed

ณ สถานที่ที่แสงส่องสว่าง, เธอเผยให้ฉันเห็น




It's back and now

ตอนนี้ฉันได้เห็นมันอีกครั้งนึง

Take your hand out, we can reach

ยื่นมือของเธอมาสิ, เราเอื้อมไปถึงได้แน่

Always been there to be freed

มันอยู่ตรงนั้นเพื่อได้รับการปลดปล่อยมาโดยตลอด

It's getting loud, on to a scream

เสียงข้างในร่ำร้องดังขึ้น

We're starting this brighter tomorrow

พวกเรากำลังจะเริ่มต้นวันพรุ่งนี้ที่สดใสกว่าเดิม

Try this

ลองเชื่อมั่นดูสิ

Every color shown, bright in the star

ทุกสีสันส่องแสงออกมาเป็นดวงดาว

From here we can find

จากตรงนี้พวกเราสามารถมองเห็นมันได้

Letting us shine

มันกำลังทำให้พวกเราเปล่งประกาย

Don't hide your brightness

อย่าได้เก็บซ่อนประกายแสงของตัวเองไว้เลย




Approval of someone to feel complete

อยากให้ใครสักคนยอมรับเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสมบูรณ์

Honesty was gone to say the least

ไม่อาจพูดบางสิ่งออกไปได้อย่างซื่อตรง

Many things about us are the same

พวกเรามีหลายสิ่งหลายอย่างเหมือนกัน

The distance for us is hard to decipher

ระยะห่างระหว่างเรานั้นยากที่จะทำความเข้าใจ




Why did it happen? I've imagined your face

ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? ฉันนึกถึงหน้าของเธอ

Thinking about this lonely feeling

ใคร่ครวญถึงความโดดเดี่ยวนี้

Standing still exceeding, urge and drive increasing

ฉันยืนหยุดนิ่งมามากเกินไป, เลยกระตุ้นและผลักดันตัวเองมากขึ้น

I've gotta be by you and speaking

ฉันต้องไปอยู่เคียงข้าง และบอกกับเธอให้ได้




A little time has been taken

แม้จะใช้เวลาเพียงไม่นาน

I find it was time we needed

แต่เราก็จำเป็นต้องใช้เวลา

When our minds are aligned, we know

เมื่อใจของเราตรงกัน, เราจะรู้

That star's in view

ว่าดวงดาวอยู่ที่ตรงนั้น




Let's restart it, you and me

เราสองคนมาเริ่มต้นใหม่กันเถอะ

Walking on our new story

ก้าวเดินไปบนเรื่องราวใหม่ของพวกเรา

I feel your voice, my melodies

ฉันได้ยินเสียงของเธอที่ร้องในท่วงทำนองของฉัน

Don't worry when struggling to follow

ไม่ต้องกังวลไป เมื่อต้องดิ้นรนเพื่อไล่ตามไป

Find this

เพียงแค่ตามหา

Allow this

และยอมรับมัน




Take your hand out, we can reach

ยื่นมือของเธอมาสิ, เราเอื้อมไปถึงได้แน่

Always been there to be freed

มันอยู่ตรงนั้นเพื่อได้รับการปลดปล่อยมาโดยตลอด

It's getting loud, on to a scream

เสียงข้างในร่ำร้องดังขึ้น

We're starting this brighter tomorrow

พวกเรากำลังจะเริ่มต้นวันพรุ่งนี้ที่สดใสกว่าเดิม

Try this

ลองเชื่อมั่นดูสิ

Every color shown, bright in the star

ทุกสีสันส่องแสงออกมาเป็นดวงดาว

From here we can find

จากตรงนี้พวกเราสามารถมองเห็นมันได้

Letting us shine

มันกำลังทำให้พวกเราเปล่งประกาย

Don't hide your brightness

อย่าได้เก็บซ่อนประกายแสงของตัวเองไว้เลย



เนื้อเพลง : https://www.uta-net.com/song/320612/


สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านครับ รอบนี้ก็ยังอยู่ที่เพลงประกอบจากอนิเมะ Love Live! Nijigasaki แต่จะไม่เหมือนกับเพลงอื่น ๆ ตรงที่เป็นภาษาอังกฤษล้วนเลย

ซึ่งตอนที่หาเนื้อเพลง ผมไปเจอในเว็บ https://zh.moegirl.org.cn/Stars_we_chase มีความหมายภาษาญี่ปุ่นวงเล็บไว้ท้ายท่อนนั้น ๆ ด้วย พอลองไปดูเพลงอื่น ๆ ของมีอา หรือของหลานจูในเว็บนี้ ท่อนภาษาอื่นก็มีวงเล็บไว้เหมือนกัน ผมคิดว่าภาษาญี่ปุ่นที่กำกับไว้พวกนี้น่าจะเอามากจากเล่มเนื้อเพลงจริงเลย เพราะเท่าที่ลองแปลภาษาญี่ปุ่นของเพลงนี้ดู ก็เจอว่าความหมายใกล้เคียงกับที่แปลซับไทยใน flixer เลย ตอนผมดูก็ยังงง ๆ เลยว่าบางท่อนทำไมถึงแปลแบบนั้น พอเจออันนี้ก็เลยหายสงสัย

ส่วนคำแปลของผมจะใช้ผสม ๆ กัน บางท่อนแปลอังกฤษล้วน บางท่อนที่ก็แปลโดยใช้ความหมายญี่ปุ่นช่วย (จะได้คงคอนเซปการแปลเพลงญี่ปุ่นไว้ด้วย 555)

และด้วยความที่เป็นภาษาอังกฤษล้วนแล้ว ก็เลยอยากจะลองทำอะไรให้ต่างไปจากเพลง Love Live! อื่นที่เคยแปลด้วย ผมก็เลยทำพื้นหลังกับสีตัวอักษรให้คล้ายกับแสงในรูปปกเพลง


ส่วนเพลงที่จะลงต่อไป ผมว่าจะขอพักเพลงของ Love Live! ไว้ก่อน รู้สึกว่าลงติดกันเกินไปแล้ว (555) ว่าจะกลับมาลงเพลงของ fripSide ที่แปลไว้ก่อนสักเพลงสองเพลงแล้วค่อยกลับไปแปลเพลงของ Love Live! ต่อ กว่าที่ Future Parade ของนิจิกะซากิจะออกก็วันที่ 6 นู่นเลย แล้วก็ยังมี Yume to Mirai de Mugendai ของ Aqours ด้วยที่สนใจจะแปล แต่ถ้าจะลงก็คงไว้หลัง Future Parade เลย


แล้วก็ กว่าจะได้แปลเพลง Love Live! แบบจริงจังอีกทีก็เป็นช่วงเดือนสิงหาฯ ที่เพลงของ Superstar ออก ช่วงนี้ก็เลยย้อนกลับไปฟังเพลงเก่า ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงของ fripSide, Love Live!, หรือศิลปินท่านอื่นก็ตาม เผื่อว่าฟังแล้วจะชอบมีความรู้สึกอยากแปลขึ้นมา ก็อย่างเพลง Queendom ตอนฟังครั้งแรกผมก็ไม่ได้ชอบนะ แต่พอลองไปดูในอนิเมะ บรรยากาศในนั้นมันส่งมาก พอกลับมาฟังอีกครั้งก็เลยชอบซะงั้น (555)


นาน ๆ จะได้มาเขียนอะไรยาว ๆ แบบนี้ก็ต้องขอบคุณคุณผู้อ่านที่แวะเวียนกันเข้ามาอ่านนะครับ ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือไม่ถูกใจต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

แล้วพบกันใหม่ในงานแปลถัดไปครับ :)